Aximdaily
หุ้น CFD

การเทรดหุ้น CFD คืออะไร และแตกต่างจากลงทุนหุ้นอย่างไร?

การลงทุนในหุ้นถือเป็นหนึ่งในช่องทางที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา และในระยะหลัง ๆ คุณอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ รวมถึงโบรกเกอร์ที่สามารถให้เทรดได้ทั้ง Buy และ Sell โดยไม่จำเป็นต้องถือครองหุ้นนั้น ๆ มาก่อน คุณเริ่มไม่แน่ใจว่านี่มันคือการหลอกลวงหรือไม่?

บทความนี้จะมาไขคำตอบทั้งหมดว่าเราจะสามารถเทรดหุ้นต่างประเทศได้อย่างไร, หุ้น CFD คืออะไร ทำไมถึงสามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง, วิธีการเปิดบัญชี รวมถึงวิธีการตรวจสอบในเบื้องต้นว่า โบรกเกอร์หุ้น CFD นั้น ๆ น่าเชื่อถือหรือไม่?

หุ้น CFD คืออะไร?

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า การเทรดหุ้นต่างประเทศที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน จะเป็นการเทรดที่เรียกว่า “CFD” ย่อมาจาก Contracts for Difference มันคือตราสารอนุพันธ์แบบหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศได้ง่ายมากขึ้น CFD จะมีลักษณะคล้ายฟิวเจอร์ส แต่มีพัฒนาให้ดีขึ้นโดยสามารถเทรดด้วย “ราคาสป๊อต” ได้ทันที ไม่มีฟิวเจอร์สที่จะมีการบวกค่า Premium ต่าง ๆ ทำให้ราคาฟิวเจอร์สแตกต่างจากราคาสินทรัพย์จริงจนเทรดเดอร์เกิดความสับสน

นั่นจึงเป็นข้อดีของ CFD ที่เหนือกว่าฟิวเจอร์ส และที่สำคัญคือการเทรด CFD จะไม่มีกรณีที่สัญญาหมดอายุแบบฟิวเจอร์ส จะเห็นว่า มันถูกออกแบบมาสำหรับนักลงทุนรายย่อยให้เข้าใจตลาดการเงินได้ง่ายมากขึ้น และเปลี่ยนจากคำว่า “Long” เป็น Buy คือคำสั่งซื้อ, เปลี่ยนจากคำว่า “Short” เป็น Sell หรือคำสั่งขาย

ข้อดีหลัก ๆ ของ CFD ที่เหมือนฟิวเจอร์ส คือ ไม่สามารถเทรดสินทรัพย์ใด ๆ บนโลกก็ได้ ในตลาดสหรัฐฯ มี Oil Future โบรกเกอร์ในปัจจุบันก็มี Oil CFD เป็นทางเลือกสำหรับการเทรดน้ำมัน หรือพวก Stock Future ที่ต้องวางเงินเยอะ ๆ เราก็สามารถเลือกที่จะเทรดหุ้น CFD แทนได้ เพราะใช้เงินน้อยกว่า (จะอธิบายในเรื่อง Leverage ต่อไป) แต่โดยสรุปก็คือ

  • CFD เหมือนเทรดฟิวเจอร์ส แต่จะเทรดที่ราคาจริงในตลาด
  • CFD สามารถ Buy, Sell เก็งกำไรทิศทางได้ทันทีเหมือนฟิวเจอร์ส

จากที่ได้อธิบายข้างต้น ดังนั้น “หุ้น CFD” ก็คือ การเทรดตราสาร CFD ที่อ้างอิงกับหุ้นใด ๆ นั่นเอง โดยในปัจจุบันสามารถเทรดหุ้น CFD ได้แทบจะทุกตัวในตลาดหุ้นทั่วโลก ขึ้นอยู่กับว่าโบรกเกอร์ที่คุณใช้บริการจะมีสินทรัพย์ตัวใดให้เทรดได้บ้าง แต่โดยทั่วไป จะมีหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐให้เทรดอย่างแน่นอน เช่น Apple, Tesla, Microsoft หรือพวกดัชนี Dow Jones Index เป็นต้น

การเทรดหุ้น CFD

ในการเทรดหุ้น CFD นั้น จะไม่ใช้คำว่า Long & Short เหมือนในการเทรดฟิวเจอร์ส อาจจะเป็นการใช้คำว่า Buy และ Sell แบบตรงไปตรงมา

Buy Order

คำสั่ง Buy เหมือนกับการ Long หากคุณคิดว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้น คุณก็ต้องกด “Buy” หรือซื้อไว้ เมื่อราคาขึ้นคุณก็จะได้กำไรจากออเดอร์นี้ 

Sell Order

คำสั่ง Sell เหมือนกับการ Short หากคุณคิดว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้น คุณก็ต้องกด “Sell” หรือเลือก “ขาย” ซึ่งเป็นการเก็งว่า “ราคาจะลง” เมื่อราคาลงจริง คุณก็จะได้กำไรจากออเดอร์นี้ 

หุ้น CFD ของ Nvidia

เทรดหุ้น CFD กับลงทุนหุ้นจริง?

ในตลาดหุ้นปกติ การซื้อขายหุ้นหมายถึงการซื้อหุ้นจริง ๆ มาครอบครอง ซึ่งจะมาพร้อมกับสิทธิต่าง ๆ ในฐานะเจ้าของบริษัท เช่น ได้รับเงินปันผล, มีสิทธิ์เข้าประชุมผู้ถือหุ้น ฯลฯ มันคือการเป็นเจ้าของหุ้นนั้น ๆ อย่างแท้จริง แต่การเทรดหุ้น CFD คือการเทรดตราสารอนุพันธ์ จะไม่ได้รับสิทธิใด ๆ เหมือนเจ้าของหุ้น นอกจากเรื่องนี้แล้ว ข้อแตกต่างหลัก ๆ อาจแสดงได้ดังตารางต่อไปนี้

หุ้น CFDหุ้นแบบปกติ
ใช้ Leverage สูง ๆ ได้ใช้ Margin เทรดมากสุดเพียง 2-3 เท่า
เก็งกำไรได้ 2 ทิศทาง เลือก Buy หรือ Sell ก็ได้เล่นได้แต่ฝั่ง Buy อย่างเดียว
เทรดสินค้าอื่นได้ด้วย เช่น น้ำมัน, ทองคำ, Forexเทรดได้แต่หุ้นอย่างเดียว

ข้อดีของหุ้น CFD

หลายคนอาจจะยังไม่อินกับหุ้น CFD ในจุดนี้เราจะลองเปรียบเทียบและชูจุดเด่นว่า ทำไมหุ้น CFD ถึงน่าลงทุนเมื่อเทียบกับหุ้นแบบปกติ หรือเทียบกับการเทรดฟิวเจอร์ส

ข้อดีของหุ้น CFD คืออะไรบ้าง

1. Leverage สูง

ข้อดีอย่างแรกของ CFD คือการที่มันใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ต่ำมาก เหตุผลนี้มาจากโบรกเกอร์ Forex ได้รับอนุญาตให้นำเสนอ “อัตราทด” หรือ Leverage ในอัตราที่สูงกว่าการเทรดสินทรัพย์ปกติ ซึ่ง Leverage หมายความว่า โบรกเกอร์จะอนุญาตให้คุณสามารถเทรดใน Lot Size ที่ใหญ่เกินกว่าจำนวนเงินที่คุณมีอยู่จริง ๆ ได้

ถ้าโบรกเกอร์เขียนว่า Leverage ที่ 1:500 แปลว่าลูกค้าจะสามารถซื้อขายได้มากกว่าเงินที่มีอยู่จริง ๆ ถึง 500 เท่า จุดนี้จะเป็นการทลายกำแพงที่เป็นเหมือนการปิดกั้นโอกาสในการเข้าถึงการลงทุน เพราะหุ้นหลายตัวก็มีราคาแพงมาก แต่ถ้านักลงทุนสามารถใช้เลเวอเรจได้ ก็จะสามารถเข้าถึงการลงทุนที่ดีได้เช่นกัน

2. เทรดได้ 2 ทิศทาง

อธิบายไปแล้วว่า CFD คือตราสารอนุพันธ์แบบหนึ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับฟิวเจอร์สมาก ทำให้นักลงทุนทำการเก็งกำไรได้ทั้งสองทิศทาง เทรดเดอร์อาจเลือกที่จะเปิด Sell เมื่อเห็นว่าราคาสินทรัพย์นั้นกำลังปรับตัวเป็นขาลง ทำให้การหุ้น CFD มีความได้เปรียบในแง่ที่ว่า เราไม่ต้องกังวลเลยว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นหรือลง แม้แต่ในกรณีที่เราเน้นสะสมหุ้น เราก็อาจเปิด Sell เพื่อเป็นสร้างกระแสเงินสดในระยะสั้นได้

3. เทรดหุ้นหลายตัวพร้อมกันได้

อย่างที่เกริ่นไปบ้างแล้วว่า CFD ทำให้เราเข้าถึงสินทรัพย์ทุกอย่างบนโลกได้แล้วแต่โบรกเกอร์ที่เราใช้บริการจะมีให้หรือเปล่า นั่นแปลว่าเราจะสามารถเทรดหุ้นได้อย่างหลากหลายมาก ประเด็นคือไม่ใช่แค่หุ้นหลายตัว แต่เราสามารถเทรดหุ้น CFD จากหลาย ๆ ตลาดหลักทรัพย์พร้อมกันได้ด้วย

ดังนั้นไม่แปลกใจเลยถ้าคุณมีทั้งหุ้น Apple, Tesla ที่เป็นหุ้นสหรัฐฯ, หุ้น Airbus Group, L’Oréal จากตลาดหุ้นฝรั่งเศส หรือจะเป็น Volkswagen AG, BMW AG ที่เป็นหุ้นรถยนต์จากตลาดหุ้นเยอรมัน ในสมัยก่อนคุณจะไม่สามารถซื้อขายหุ้นเหล่านี้ในพอร์ตเดียวกันได้ ต้องเปิดบัญชีแยกต่างหาก หรือไม่ก็ต้องใช้โบรกเกอร์ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หุ้น CFD คือนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้การบริหารพอร์ตทำให้ง่ายมากขึ้น

4. สามารถ Hedging ได้ง่าย

คำว่า Hedging ในความหมายทางการเงินทั่วไป หมายถึง การปกป้องมูลค่าของสินทรัพย์ด้วยการซื้อหลักประกันอยางอย่างเพื่อชดเชยมูลค่านั้นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น การซื้อทองคำเพื่อ Hedging มูลค่าของเงินสด ไอเดียนี้ก็ถูกปรับใช้กับหุ้น CFD ด้วย

การ Hedging ในหุ้น CFD ทำได้ง่ายกว่ามาก ๆ เทรดเดอร์สามารถ “ล็อคกำไร-ขาดทุน” ด้วยการเปิดออเดอร์ฝั่งตรงข้ามในปริมาณที่เท่ากัน เช่น เทรดเดอร์ Buy ทอง 1 Lot สมมติว่าได้กำไรมาแล้ว 200 USD เทรดเดอร์สามารถเปิด Sell 1 Lot เพื่อล็อคกำไรทั้งหมดได้ นี่คือตัวอย่างการ Hedging ใน CFD และมันทำให้การบริหารความเสี่ยงใน CFD ทำได้ง่ายกว่าหุ้นแบบปกติมาก

5. ต้นทุนการเทรดต่ำ

โบรกเกอร์แบบดั้งเดิมจะมีค่าใช้จ่ายหยุมหยิม และมีค่าธรรมเนียมการเทรดที่ค่อนข้างแพง อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะทำให้ตลาดการเงินเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ในการเทรดหุ้น CFD นั้น ค่าธรรมเนียมการเทรดทั้งหมดจะถูกรวมเข้าไปในรูปของ “ค่าสเปรด” (Spread) ซึ่งจะแสดงอย่างชัดเจนก่อนการซื้อขาย ทำให้การคำนวณทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับหุ้น CFD

อย่าลืมว่า หุ้น CFD คือการเทรดตราสารอนุพันธ์แบบหนึ่ง และมีการใช้ Leverage ที่สูงมาก จึงต้องอาศัยการฝึกฝนและการคำนวณอย่างรอบคอบ เราจึงอยากแนะนำข้อควรระวังต่าง ๆ ดังนี้

1. ศึกษาเรื่องการคำนวณ 

CFD มีการคำนวณเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนต่างของราคาจะใช้หน่วยนับเป็น Point/PIP คุณต้องเข้าใจว่า Lot Size ที่คุณเทรดแต่ละครั้ง จะส่งผลต่อกำไรขาดทุนเท่าไหร่เมื่อจำนวน Point เปลี่ยนแปลงไป

ปัญหาสำหรับมือใหม่คือ Leverage ที่โบรกเกอร์มักให้มาแบบไม่จำกัด ทำให้หลายคนละเลยเรื่องจำนวน Lot สูงสุดที่สามารถเทรดได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างหนักได้

2. เริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย

โบรกเกอร์อยากให้คุณฝากเงินเยอะ ๆ เพราะมันหมายถึงโอกาสที่จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการเทรดจากคุณ แต่เราก็อยากแนะนำว่า อย่าเริ่มต้นด้วยเงินทุนที่มากเกินไป และอยากเทรดด้วยความเสี่ยงที่มากเกินกว่าความเสี่ยงที่คุณรับได้ เทรดเดอร์มืออาชีพยังเทรดแค่ 1% หรือ 2% ต่อครั้งเท่านั้น

3. ตั้งจุดตัดขาดทุนไว้เสมอ 

มันเป็นการยากที่จะยอมรับได้ว่า “คุณคิดผิด” และนั่นคือสาเหตุหลักที่ทำให้เทรดเดอร์หลายคนยังไม่ประสบความสำเร็จ บ่อยครั้งที่การขาดทุนอย่างหนักเพียงครั้งเดียวนำไปสู่การ “ล้างพอร์ต” เป็นปัจจัยที่ผสมผสานกันระหว่าง การเทรดด้วย Lot ที่ใหญ่มากเกินไป และการไม่ได้ตั้งจุดตัดขาดทุนหรือ Stop Loss ไว้ตั้งแต่แรก ดังนั้น คำแนะนำสั้น ๆ และสุดท้าย คือ ต้องมีจุด Stop Loss เสมอ 


เทรด CFD โบรกไหนดี?

ในแวดวงการเงินถือว่า โบรกเกอร์หุ้น CFD คือธุรกิจในกลุ่มหลักทรัพย์ การเปิดให้บริการซื้อขายโดยไม่มีใบอนุญาตถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น วิธีการเลือกโบรกเกอร์ต้องเลือกเจ้าที่มีใบอนุญาต (License) ชัดเจน ซึ่งในกลุ่มของโบรกเกอร์ CFD จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรทางการเงินในระดับสากลต่าง ๆ เช่น CySec, FCA, ASIC เป็นต้น

โบรกเกอร์ CFD จะมีการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหน้าแรกหรือหน้าที่เกี่ยวกับประวัติของตัวเองอยู่แล้ว หากคุณไม่สามารถค้นหาข้อมูลเหล่านี้ได้จากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์เหล่านั้น ให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้งานหรือเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์นั้น ๆ เพราะเสี่ยงที่จะเป็นโบรกเกอร์เถื่อน

นอกจากเรื่อง License บ้างดังกล่าว การจะเลือกว่า เราควรเทรด CFD โบรกไหนดีนั้น อาจต้องเลือกจากความหลากหลายของสินค้าที่ให้บริการ เช่น มีทั้ง Forex, หุ้น, Crypto ฯลฯ ให้เลือกเทรด หรือถ้าหุ้น CFD ก็ควรมีจำนวนหุ้นเยอะ ๆ เพราะยิ่งมีสินค้ามากเท่าไหร่ งั้นแปลว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนของโบรกเกอร์จะมีมากที่ต้องจ่ายให้แพลตฟอร์มและผู้ให้สภาพคล่อง ซึ่งนั่นแปลว่า โบรกเกอร์นั้น ๆ มีเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก จนสามารถเปิดให้บริการเทรดที่หลากหลายได้ สะท้อนถึงความมั่นคงในระดับหนึ่ง

เรื่องอื่น ๆ ก็คงเป็นโปรโมชั่น และการให้บริการ โบรกเกอร์ที่ดีควรมีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่หลากหลายภาษา แนะนำอ่านรีวิวโบรกเกอร์ AximTrade ถือว่าเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์แถวหน้า เพราะมีคุณสมบัติครบกัน ทั้งสินค้าที่หลากหลาย, ฝ่ายบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงงบทางการตลาดที่มหาศาล ซึ่งจะเห็นได้จากการเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรม F1 หรือการพาลูกค้าไปงาน FIFA World Cup เป็นต้น

สะท้อนถึงความใส่ใจและความมั่นคงของโบรกเกอร์ AximTrade ในฐานะโบรกเกอร์ CFD ที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ก็เหลือแต่เพียงคุณที่เราอยากจะให้ทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์ของ AximTrade เอง อ่านเริ่มจากบัญชีทดลองเพื่อศึกษาระบบทัั้งหมดก็ได้ คลิกที่ปุ่มด้านล่าง!

aximtrade
aximtrade broker