Aximdaily
รูปแบบกราฟเทคนิค บทเรียน Forex

10 รูปแบบกราฟเทคนิคพื้นฐานที่เทรดเดอร์ควรรู้จัก

รูปแบบกราฟเทคนิค (Chart Pattern) มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์กราฟราคาในการเทรดสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, สกุลเงิน, ทองคำ ฯลฯ ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสภาวะโดยรวมของตลาด ณ เวลานั้น ๆ ได้ อีกทั้งความรู้ในเรื่อง “รูปแบบ” ดังกล่าว เป็นสิ่งที่ใช้เวลาทำความเข้าใจได้ยากหรือนานเกินไป ขอเพียงคุณอ่านบทความนี้จบ จะทำให้คุณสามารถคุยกับเทรดเดอร์มืออาชีพได้รู้เรื่องเลยทีเดียว

รูปแบบกราฟเทคนิค คืออะไร?

รูปแบบกราฟเทคนิค คือ รูปแบบซ้ำ ๆ ของกราฟราคาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนกลายเป็นรูปแบบมาตรฐาน และนักวิเคราะห์เชื่อว่า รูปแบบดังกล่าวเกิดจากแรงจูงใจของผู้เล่นในตลาดที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้สามารถประเมินผู้เล่นคนอื่น ๆ ในตลาด และคาดการณ์ทิศทางราคาที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นในอนาคตได้ เทรดเดอร์ทั่วไปใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการระบุว่า ราคาเป็นขาขึ้นหรือขาลง และจะไปต่อหรือกลับตัว

รูปแบบกราฟมีบทบาทสำคัญที่แตกต่างจากการใช้ Indicator ยอดนิยมต่าง ๆ เพราะจุดประสงค์ของกราฟเทคนิคคือการพยายามวิเคราะห์และทำความเข้าใจสภาวะตลาด ในขณะที่ Indicator อาจมีมุมของการใช้เพื่อให้สัญญาณเทรดที่โดดเด่นมากกว่า (ซึ่งนั่นทำให้ เทรดเดอร์ใช้รูปแบบกราฟเทคนิคเพื่อวิเคราะห์ภาพรวม และใช้ Indicator มายืนยันสัญญาณอีกครั้ง)

รูปแบบกราฟเทคนิค หรือ Chart Pattern ต่าง ๆ มีพื้นฐานจากการสังเกตระดับราคาผ่าน แนวรับ-แนวต้าน ซึ่งอาจแบ่งประเภทได้ดังต่อไปนี้

  • Continuation Pattern: รูปแบบต่อเนื่อง เชื่อว่า ราคาจะไปทิศทางเดิมต่อไป
  • Reversal Pattern: รูปแบบการกลับตัว เชื่อว่า ราคาจะกลับตัวสวนทิศทางแนวโน้มในปัจจุบัน
  • Bilateral Pattern: ในระยะหลัง ๆ ตลาดยอมรับมากขึ้นว่า การฟอร์มรูปแบบใด ๆ อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะเคลื่อนได้สองทิศทาง

Price Pattern เป็นพื้นฐานของหลักการของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ที่มองว่า “ราคาจะเป็นแนวโน้ม จนกว่าแนวโน้มจะหมดไป” ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้ว Continuation Pattern กับ Reversal Pattern มีความสำคัญมากที่สุด (เพราะให้สัญญาณชัดเจนที่สุดด้วย) สามารถประยุกต์กับการเทรดในตลาด Forex และ CFD อื่น ๆ ได้ทั้งหมด

เมื่อเทรดเดอร์สามารถบอกได้ว่า “เทรนด์ยังอยู่หรือไม่” ก็จะสามารถจัดการได้ว่า ควรจะเปิดหรือปิด Position ใด ๆ หรือไม่? หากพูดถึงในทิศทางแนวโน้มขาขึ้น Continuation Pattern บอกว่า เทรดเดอร์ควรซื้อเพิ่มหรือปล่อยกำไร ในทางตรงกันข้าม Reversal Pattern เป็นการเตือนว่า เทรดเดอร์ควรขายออกบ้าง

10 รูปแบบกราฟเทคนิคที่สำคัญ

Head and Shoulders

Head and Shoulders เป็นรูปแบบการกลับตัว (Reversal) แบบมาตรฐานที่สุด เพราะลักษณะของราคาจะสะท้อนถึงสภาวะที่อ่อนกำลังลงอย่างชัดเจน และสิ่งสำคัญที่บ่งชี้ว่าราคากำลังอ่อนกำลังก็คือ “Shoulder” ตามชื่อรูปแบบของมัน

Head and Shoulders เกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น (ถ้าเป็นรูปแบบกลับตัวเมื่อเกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง เราเรียกว่า “Inverted Head and Shoulders”) อย่างไรก็ตาม พื้นฐานในการสังเกตเหมือนกัน

โดย Head and Shoulders จะประกอบด้วย Swing สำคัญสุดท้าย 3 จุด ลองสังเกตที่ภาพด้านล่าง โดย Swing ที่ 2 ที่เป็น “Head” จะแทงทะลุขึ้นไปเหนือ Swing แต่สิ่งสำคัญของรูปแบบนี้ก็คือ “Swing สุดท้าย” ที่เป็น Right-Shoulder หรือไหล่ขวา จะทำ High ที่ต่ำกว่ากว่าไหล่ด้านซ้าย ซึ่งสะท้อนว่า ราคาได้อ่อนกำลังลงอย่างมาก และมันมักนำไปสู่การกลับตัวของราคาในที่สุด

รูปแบบกราฟเทคนิค Head and Shoulders

ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง คือ บริเวณที่เป็น “Head” หรือ Swing ที่ 2 นั้น มักมีลักษณะเป็น False Breakout ขึ้นไปเร็ว ๆ หลังจากนั้น สิ่งที่ตามมา ก็มักเป็นการทิ้งราคาลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในจังหวะที่เกิด “Head” มักเป็นส่วนที่เกิดความผันผวนสูง (High Volatility) อยู่เสมอ ๆ

Double Top

Double Top เป็นรูปแบบการกลับตัวที่ทรงพลัง ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง Double Top กับ Head and Shoulders คือ การที่ Double Top ไม่ได้มีการ False Breakout หรือมี Swing ขึ้นไปสร้างเป็น Head (ซึ่งในมุมมองทางเทคนิค ถือว่าการมี Head จะมีโอกาสกลับตัวได้มากกว่า และกลับตัวได้รุนแรงกว่า) ทั้งนี้ Double Top จะเป็นลักษณะของการปะทะแนวต้านสำคัญที่เดิม 2 ครั้ง

รูปแบบ Double Top

สิ่งสำคัญของ Double Top คือมันเป็นลักษณะของการ “พยายามสะสมกำลัง” หรือคล้าย ๆ การสร้างแคมป์เพื่อขึ้นไปตีเมืองในครั้งที่ 2 ซึ่งจะสังเกตได้จาก ระยะหว่างระหว่าง Swing 2 จุดที่ขึ้นมาทำ High ควรใกล้เคียงกับระยะที่มันฟอร์มตัวขึ้นมา เช่น สมมติว่า ใช้เวลาในการทำ High ขึ้นมาประมาณ 10 วัน ระยะห่างระหว่าง 2 Swing อาจอยู่ประมาณ 15-20 วัน เป็นต้น นับว่าเป็นรูปแบบพื้นฐานในการเทรด CFD ที่สำคัญมาก

Double Top กับ Head and Shoulders (H&S) จึงมีเหตุผลของพฤติกรรมที่ค่อนข้างต่างกัน Double Top จะเป็นการโดน “เทแรง ๆ” สองครั้ง แต่สิ่งสำคัญของ Head and Shoulders คือจังหวะ Swing ที่เป็น “Head” มันเป็นลักษณะของการหมดกำลังลง ไม่มีคนซื้อต่อแล้ว

Double Bottom

รูปแบบ Double Bottom

Double Bottom เหมือนกับรูปแบบ Double Top ทุกประการ เพียงแต่เป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามเท่านั้น แน่นอนว่า Double Bottom ก็การเกิดลักษณะการปะทะแนวรับในบริเวณโซนเดียวกัน 2 ครั้ง

Triple Top และ Triple Bottom

Triple Top และ Triple Bottom ค่อนข้างคล้ายกับรูปแบบ Double Top และ Double Bottom เพียงแต่ว่า Triple Top และ Triple Bottom จะมี Swing ที่ไปปะทะแนวรับ-แนวต้าน 3 ครั้ง ในทางเทคนิคถือว่าทรงพลังกว่าแบบ Double Top มาก แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็ยากกว่าพอสมควร ยิ่งเฉพาะในการเทรดคู่เงิน Forex มักจะไม่ค่อยได้เห็นแล้ว แต่เห็นบ้างในตลาดที่ความผันผวนต่ำกว่านี้ เช่น ตลาดหุ้น, พันธบัตร

Rounding Top

Rounding Top คือ รูปแบบกราฟการกลับตัวที่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยราคาจะเคลื่อนเป็นวงโค้ง หรืออาจจะมองว่าเป็น “ชามคว่ำ” ก็ได้ รูปแบบนี่ถือว่าเป็นรูปแบบที่คาดการณ์ได้ยากมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง เพราะเนื้อในของรูปแบบมันคือการสภาพคล่องหายจากตลาดไปส่วนหนึ่ง ทำให้ราคาวิ่งแบบเนิบ ๆ ช้า ๆ

อนึ่ง ในจังหวะที่เป็นจุดเริ่มต้นไปจนถึงช่วครึ่งทางของรูปแบบ Rounding Top มันยังมีลักษณะของแนวโน้มขาขึ้นอยู่ นั่นทำให้เทรดเดอร์มือใหม่พลาดเข้า Buy ในจังหวะนี้มากพอสมควร หรืออาจใช้ Fibonacci Retracement เข้ามาช่วยกำหนดจังหวะก็ได้

Rounding Bottom

Rounding Bottom ตรงรูปแบบตรงกันข้ามของ Rounding Top แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อยตรงนี้ มักเกิดขึ้นในตลาดหุ้นในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา ราคาจะค่อย ๆ ลงแบบเนิบ ๆ เป็นจังหวะที่นักลงทุนไม่แน่ใจในสภาวะเศรษฐกิจนั่นเองว่า จะทำอย่างไรก็ต่อไป ในขณะที่ก็จะมีนักลงทุนบางส่วนมีการสะสมหุ้นเข้ามาเรื่อย ๆ ดังนั้น กราฟราคาจึงค่อย ๆ โค้งขึ้นมา แต่ไม่รุนแรง เพราะทุกคนยังไม่แน่ใจในภาพรวมนั่นเอง

Cup and Handle

Cup and Handle หรือ “ถ้วยและหูจับ” เป็นรูปแบบกราฟยอดนิยมของนักเทรดชาวไทยพอสมควร เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยในการเทรดทองคำ หรือกลุ่มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) โดยเป็นรูปแบบที่บ่งชี้ว่า ราคาจะเคลื่อนเป็นขาขึ้นต่อไป (Bullish Continuation) ทั้งนี้ ในเชิงของการวิเคราะห์ Cup and Handle เป็นลักษณะของ “การพักตัวของราคา” แบบหนึ่ง ที่มีลักษณะ “ค่อย ๆ รินขาย และค่อย ๆ ทะยอยซื้อ” ทำให้ช่วงพักตัว ราคาโค้งลงเหมือน “ถ้วย” นั่นเอง

Wedge

Wedge หรือ “ลิ่ม” ในสมัยก่อนถือว่าเป็นรูปแบบกราฟต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของการเกิด Wedge จะเป็นลักษณะของกราฟที่เกิด High Volatility ซึ่งนั่นแปลว่า ราคามีแนวโน้มจะเคลื่อนไปได้ทั้ง 2 ทิศทาง แต่ทั้งนี้ เพื่อทำให้การวิเคราะห์เรียบง่าย นักลงทุนก็อาจมองว่า Wedge เป็นลักษณะการพักตัวเพื่อต่อ (ยืดทิศทางเดิมไว้นั่นเอง)

แต่ทั้งนี้ ก็มีข้อสังเกตอยู่บ้าง นักวิเคราะห์แบ่ง Wedge เป็น Rising Wedge กับ Falling Wedge โดยไม่ว่าทั้ง 2 รูปแบบจะเกิดในแนวโน้มขาขึ้นหรือลง เราจะยึดรูปแบบที่ตัว Wedge เป็นหลัก ดังต่อไปนี้

รูปแบบ Rising Wedge

Rising Wedge

  • เกิดขึ้นได้ทุกแนวโน้ม (แต่จะภาพจะเห็นว่า เกิดในขาลง)
  • เชื่อว่า มีโอกาสกลับตัวลงมากกว่า

Falling Wedge

  • เกิดขึ้นได้ทุกแนวโน้ม (แต่จะภาพจะเห็นว่า เกิดในขาขึ้น)
  • เชื่อว่า มีโอกาสกลับตัวขึ้นมากกว่า
รูปแบบ Falling Wedge

Triangles

Triangle หรือ รูปแบบสามเหลี่ยม ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นรูปแบบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดพอ ๆ กับ Head & Shoulders เลย เนื่องจากเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นบ่อย ทั้งนี้ มีหลัก ๆ 3 ลักษณะ ได้แก่ Ascending, Descending และแบบ Symmetrical Triangle

เช่น แม้กรอบ High, Low จะแคบลงเรื่อย ๆ แต่หากฐานของสามเหลี่ยมมีลักษณะยกขึ้นเรื่อย ๆ (ยก Low) จะเรียกว่าเป็นรูปแบบ Ascending triangle และแนวโน้มที่ราคาจะเคลื่อนไปไหน “ทิศทางที่ยกฐาน” น่าจะเกิดขึ้นได้สูงกว่า

ในทางตรงกันข้าม descending triangle หากกรอบบนของสามเหลี่ยมต่ำลง (กด High) ก็ถือว่าเป็น descending triangle และโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงต่อก็สูงกว่า

Symmetrical triangle เดิมทีถูกจัดว่ามีแนวโน้มเป็นรูปแบบ “Continuation pattern” มากกว่า อย่างไรก็ตาม ในมุมของการวิเคราะห์ความผันผวน เทรดเดอร์จะมองว่า ยิ่งกรอบของ Symmetrical triangle กว้างมากเท่าไร โอกาสที่ราคาจะกลับตัวก็ยิ่งมาก ในทางตรงกันข้าม หากเป็นสามเหลี่ยมแคบ ๆ นั้นหมายถึง โอกาสเป็น “รูปแบบไปต่อ” มากกว่า

รูปแบบ Triangle

Rectangles

Rectangle หรือ “สี่เหลี่ยมผืนผ้า” เป็นรูปแบบการพักตัวมาตรฐานประเภทหนึ่ง และเป็นรูปแบบที่เทรดเดอร์ประเภท Trend Following ชอบมากที่สุด เพราะมีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนที่ไม่สูงมาก ทำให้เป็นจังหวะในการสะสม Position ในการเทรด

ทั้งนี้ Rectangle เป็นรูปแบบการพักตัวเพื่อไปต่อ หรือ Continuation Pattern โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแนวโน้มขาขึ้นและขาลง สิ่งที่สำคัญ คือ เกิด Rectangle ในแนวโน้มทิศทางใด ก็ยึดทิศทางนั้นเป็นหลัก


เทรดกับโบรกเกอร์ AximTrade

คุณอาจไม่เชื่อว่า หากคุณเทรดในโบรกเกอร์ Forex ที่ไม่ได้มาตรฐาน กราฟราคามันก็บิดเบี้ยวไปด้วยจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งความผิดพลาดเกี่ยวกับผู้ให้บริการสภาพคล่อง รวมถึงโบรกเกอร์ที่อาจจะโกงกราฟเองก็ได้ นั่นทำให้ Chart Pattern ที่ร่ำเรียนกันมา ไม่มีผลอะไรต่อการเทรดเลย

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณใช้บริการโบรกเกอร์คุณภาพที่มีมาตรฐานสูง และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรกำกับดูแลในระดับสากล คุณจะหมดห่วงเรื่องนี้ทันที เพราะจะมีนักการเงินทั่วโลกคอยจับตาความผิดปกติแทน ทั้งนี้ AximTrade เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นเยี่ยมที่คุณกำลังมองหา เราแนะนำให้ทดลองเปิดบัญชีทดลองเพื่อทดสอบระบบต่าง ๆ ของโบรกเกอร์ก่อนได้ รับรองว่า “ติดใจ” แน่นอน

aximtrade
aximtrade broker