น้ำมันดิบเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับเศรษฐกิจโลก นั่นทำให้มันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดผลิตภัณฑ์หนึ่งของโลก น้ำมันดิบสามารถนำมากลั่นและแปรเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้มากมาย เช่น น้ำมันดีเซล, น้ำมันเบนซิน, ขี้ผึ้ง และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีต่าง ๆ ในแวดวงนักลงทุนจึงขนานนามมันว่า “ทองคำดำ” (Black Gold)
สารบัญ
การเทรดน้ำมันในแบบต่าง ๆ
การเทรดน้ำมัน ในเชิงของการเก็งกำไร ได้รับความนิยมมากขึ้นจากการมาถึงของตราสารฟิวเจอร์ส (Future) และในปัจจุบันโบรกเกอร์ Forex ทั่วไป ก็เปิดให้เทรดน้ำมัน CFD ซึ่งสะดวกสบายกว่าการเทรดฟิวเจอร์มาก และมีต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า ทำให้การเทรดน้ำมันยังได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ไม่แพ้การเทรดคู่เงิน Forex หรือทองคำเลย
น้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) และ Brent Crude เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องด้วยคุณสมบัติที่สามารถนำไปแปรรูปได้ง่าย โรงกลั่นจะมีต้นทุนที่ไม่สูงมากสำหรับการแปรรูปน้ำมัน 2 ประเภทนี้ การเลือกเทรดจึงแทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะมีลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาคล้าย ๆ กัน โดยเทรดเดอร์อาจลงทุนผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- Spot Oil : หมายถึงการเทรดที่ราคาสากลของตลาด คำว่า “Spot” หมายถึงการซื้อขายน้ำมันดิบจริง ๆ แต่ในบริบทของนักเทรดรายย่อย จะหมายถึงการเทรดน้ำมัน CFD (ตราสาร CFD ที่อ้างอิงกับราคาน้ำมัน)
- Future : ตราสารฟิวเจอร์ส มีลักษณะคล้าย CFD แต่ยุ่งยากกว่านิดหน่อยตรงนี้จะมีการกำหนดวันส่งมอบสินค้า ทำให้ราคาของฟิวเจอร์สน้ำมันแปรผันตามวันหมดอายุของสัญญาด้วย
- Option : ตราสาร Option มีลักษณะคล้ายกับ “ใบจอง” จะมีการกำหนดว่าผู้ถือ Option จะมีสิทธิ์ซื้อหรือขายน้ำมันในราคาที่กำหนด และกำหนดวันสุดท้ายที่สามารถใช้สิทธิ์ได้ ทั้งนี้ Option เป็นหนึ่งในเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านราคาที่ได้รับความนิยมในบรรษัทน้ำมันขนาดใหญ่
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน เราได้สรุปอย่างกว้าง ๆ ไว้ 3 ปัจจัย ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทาน, การเมืองระหว่างภูมิภาค และความผันผวนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
Supply & Demand
Supply (อุปทาน) : หมายถึงปริมาณน้ำมันที่อยู่ในตลาด การคาดการณ์ปริมาณน้ำมันที่จะซื้อขายในตลาดจะถูกประเมินผ่าน “กำลังการผลิต” ซึ่งจะเป็นการระบุว่าในแต่ละวันประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจะผลิตน้ำมันวันละกี่ล้านบาร์เรลและส่งออกกี่ล้านบาร์เรล เป็นต้น สิ่งนี้ทำให้องค์กรอย่าง องค์กร OPEC มีอิทธิพลอย่างมากในตลาดน้ำมัน
Demand (อุปสงค์) : แนวโน้มความต้องการน้ำมันดิบส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ประเทศใหญ่ ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา, จีน และยุโรป มีความต้องการบริโภคน้ำมันดิบประมาณ 45 ล้านบาร์เรลต่อวัน หาเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ประเทศเหล่านี้นี้ก็มีแนวโน้มจะบริโภคน้ำมันดิบมากขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น
ความตึงเครียดทางการเมือง
การเก็งกำไรในตลาดจะเป็นตัวสะท้อนถึงการคาดการณ์ของผลลัพธ์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความวุ่นวายในประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ต่างประเมินว่า จะทำให้เกิด “วิกฤตอุปทานน้ำมัน” หรือการที่ไม่สามารถส่งออกน้ำมันหรือผลิตน้ำมันได้ตามจำนวนที่ประเทศทั่วโลกต้องการ
ตัวอย่างจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันในปี 2020 ที่เศรษฐกิจทั่วโลกต้องชะลอตัวลงเนื่องจากการระบาดของ Covid-19 เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง ความต้องการใช้น้ำมันดิบก็ลดลงเช่นกัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดสากลปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ปริมาณการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 94.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 แต่หลังจาก Covid-19 แล้ว ปริมาณการบริโภคน้ำมันก็ลดลงกว่า 5.6 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า
มูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
เนื่องจากตลาดน้ำมันดิบมีการซื้อขายกันเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ราคาจึงแปรผกผันกับมูลค่าของ USD ด้วยเช่นกัน เมื่อ USD แข็งค่าขึ้น ก็มักทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และในทางกลับกัน หากเป็นจังหวะที่ USD อ่อนค่าลง เช่น อาจเกิดจากการที่ FED ใช้มาตรการ QE ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จนทำให้ USD อ่อนค่าลง ก็อาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันก็เป็นไปได้เช่นกัน
4 เทคนิคการเทรดน้ำมัน
น้ำมันได้รับความนิยมในการเทรดเนื่องจากความผันผวนตลอดเวลาของมันนั่นเอง เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะสามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การควบคุมความเสี่ยงและเทคนิคอื่น ๆ อีกเล็กน้อย
ติดตามข่าวสารสำคัญ
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลต่อราคาน้ำมันอย่างมหาศาล และมีผลมากกว่าตลาดอื่น ๆ อย่างหุ้นหรือ Crypto มากนัก ราคาน้ำมันแปรผันโดยตรงกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ดังนั้นการประกาศตัวเลข GDP ของประเทศใหญ่ ๆ สหรัฐฯ, จีน และยุโรป จึงค่อนข้างส่งผลต่อราคาน้ำมันได้เช่นกัน
เทรดตามเทรนด์
ต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันดิบอยู่ภายใต้อิทธิพลการชี้นำของนักลงทุนสถาบัน, กองทุน Hedge Fund และเทรดเดอร์มืออาชีพ นักลงทุนรายย่อยแบบพวกเราไม่มีโอกาสที่จะได้ชี้นำตลาด ดังนั้น เทคนิคการเทรดน้ำมันที่ดีอย่างหนึ่ง คือ “การเทรดตามเทรนด์” เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ๆ
ดูไทม์เฟรมใหญ่
ธรรมชาติของตลาด Commodity หรือสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลาย มักมีการเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์หรือรอบเดือนที่ชัดเจนมากกว่า ซึ่งก็มักเป็นไปตามรอบการซื้อขายของสินค้าจริง ๆ ในตลาด เช่นบางฤดูจะส่งออกได้มากกว่า หรือหน้าหนาวก็มักมีคำสั่งซื้อน้ำมันดิบมากกว่าช่วงอื่น ๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญว่าทำไมต้องดูไทม์เฟรมใหญ่ ก็คือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มักไม่สามารถผันผวนเป็นกรอบกว้าง ๆ ได้ เนื่องจากจะส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจจริง ๆ ดังนั้น เทคนิคการเทรดน้ำมันโดยการดูแนวรับแนวต้านในไทม์เฟรมใหญ่ ๆ จึงมักเป็นจุดที่สร้างกำไรให้กับเทรดเดอร์

การวิเคราะห์และวางกลยุทธ์
เช่นเดียวกับตลาดการเงินอื่น ๆ เทคนิคการเทรดน้ำมันก็ต้องมีกลยุทธ์ที่อยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ โดยพื้นฐานจะมีการวิเคราะห์ Fundamental Analysis เป็นรายปี หรืออย่างน้อยก็ต้องระดับ 1-2 ไตรมาส ภาษาพูดเรียกว่า ให้วิเคราะห์ Theme การเล่นของปีนั้น ๆ ซึ่งอาจวิเคราะห์ไปถึงกับว่า ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดน้ำมัน ต้องการจะทำอะไรต่อไป หรือต้องการจะปั่นและทุบราคาในรูปแบบไหน เป็นต้น
แต่ในส่วนของกลยุทธ์การเทรดน้ำมัน เราอาจแบ่งเป็นกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมดังต่อไปนี้
- Swing Trading: “สวิงเทรด” คือ การเทรดที่พยายามเก็บรอบของการสวิงเป็นรอบ ๆ โดยแต่ละรอบต้องมีระยะทางที่ไกลพอสมควร แนวคิดหลักคือการวัดว่าในแต่ละสัปดาห์ราคาเคลื่อนไหวประมาณกี่หน่วย และอาจเข้าเทรดทีละ 1-2 ครั้ง เพื่อที่จะเก็บรอบการสวิงหลัก ๆ ในแต่ละสัปดาห์นั้น ซึ่งการทำแบบนี้มักสอดคล้องกับพฤติกรรมราคาของราคาน้ำมัน
- Spread Trading : กลยุทธ์นี้จะเป็นการซื้อและขายน้ำมันในตราสารฟิวเจอร์สเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของ 2 สัญญาที่มีเดือนต่างกัน เป็นลักษณะการใช้ประโยชน์จาก Correlation จากตราสารที่มีเดือนต่างกัน
- Day Trading (เดย์เทรด) : “เดย์เทรด” อาจมีความหมายรวมกลยุทธ์ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน แต่โดยพื้นฐานจะหมายถึงการซื้อและปิดออเดอร์ภายในวัน แล้วเนื่องจากราคาน้ำมันมีความผันผวนตลอดทั้งวัน กลยุทธ์ซื้อขายภายในวันจึงมักได้ผลดี
ทั้งหมดนี้คือภาพรวมคร่าว ๆ ของการเทรดน้ำมัน ทั้งรูปแบบของตราสาร ซึ่งเราได้แนะนำไปแล้วว่าควรเทรดน้ำมันกับโบรกเกอร์ Forex ซึ่งเป็นการเทรดผ่านตราสาร CFD โดยคุณอาจเลือกใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของ “ข่าว” และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และหากคุณเริ่มรู้สึกว่าอยากจะทดลองเทรด หรือฝึกฝนการเทรดในตลาดน้ำมันแล้ว เราแนะนำให้คุณเริ่มต้นผ่านบัญชี Demo Account ที่จะเป็นการจำลองเงินเพื่อนำไปเทรดในตลาดจริง คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!