Aximdaily
ลงทุน Commodity

วิธีการเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)

การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นที่นิยมในโลกของตลาดการเงินมาช้านานแล้ว และในปัจจุบัน มีสินค้าโภคภัณฑ์หลากหลายประเภท เช่น ทองคำ, น้ำมัน, แร่เงิน, เนื้อสัตว์ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ซึ่งสามารถอาศัยประโยชน์จากความผันผวนและวัฏจักรของเศรษฐกิจที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์สำหรับมือใหม่!

ลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ได้อย่างไร?

สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) เป็นสินค้าที่เป็นวัตถุดิบตั้งต้นของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งมันถูกใช้เป็นสินค้าแลกเปลี่ยนมานับพัน ๆ ปีแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์เปรียบเสมือนสกุลเงินในสมัยก่อน เรามีการใช้ “เนื้อวัว” เพื่อแลกกับ “น้ำตาล” หรืออาจใช้ “ทองคำ” มาแลกกับเนื้อวัว แล้วเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปเป็นการใช้ “เงินตรา” การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อส่วนต่างของเงินตราดังกล่าว (กำไร) ก็ยิ่งแพร่หลายขึ้น

เริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์

สมัยก่อนนั้น การส่งมอบสินค้าโภคภัณฑ์ ทำได้อย่างยากลำบาก จนมีการพัฒนาการใช้ตราสารแทนเงินตรา จนนำไปสู่การใช้สิ่งที่เรียกว่า “ตราสารอนุพันธ์” โดยเฉพาะ Future Trading ที่ยังคงเป็นตราสารหลักสำหรับการซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านราคา (Hedge) อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรง ในปัจจุบันจะนิยมลงทุนผ่านตราสาร CFD ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก

ลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ตัวไหนดี?

ก่อนการมาถึงของยุคอินเทอร์เน็ต การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์เกิดขึ้นในสถานที่จริง และหากใครสักคนต้องการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ก็จะเลือกเก็บในกลุ่ม “โลหะมีค่า” (Precious Metal) เช่น ทองคำ, แร่เงิน เป็นต้น แต่เมื่อการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ทำได้สะดวกมากขึ้น ทุกสินทรัพย์ก็สามารถเข้าไปลงทุนได้ หากคุณเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ๆ

ซึ่งโดยทั่วไป อาจแบ่งกลุ่มของสินค้าโภคภัณฑ์ได้ดังต่อไปนี้

  • Agricultural – สินค้าเกษตรต่าง ๆ เช่น กาแฟ, น้ำตาล, ถั่วเหลือง, ข้าว, ยางพารา ฯลฯ
  • Metal – โลหะต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโลหะอุตสาหกรรม เช่น ทองแดง, อะลูมิเนียม และตะกั่ว รวมถึงโลหะมีค่าที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว เช่น ทองคำ, เงิน
  • Energy – สินค้าพลังงานต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากพอ ๆ กับทองคำ เช่น ก๊าซธรรมชาติ, น้ำมันดิบ
  • Livestock – สินค้าปศุสัตว์ เช่น เนื้อวัว, เนื้อสุกร 

บุคคลทั่วไปที่ต้องการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่สินค้าที่มีสภาพคล่องสูง ๆ และสามารถประเมินทิศทางราคาได้ง่าย ซึ่งมักจะเหลือจำกัดเพียงแค่ 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าพลังงาน เช่น WTI, Brent และกลุ่มโลหะมีค่า ที่นิยมเทรดทองคำมากที่สุด ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มอื่น ๆ มักซื้อขายกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านราคาจากสินค้าที่มีอยู่ในมือจริง ๆ เท่านั้น

ทองคำ vs น้ำมัน

การเทรดทองคำ มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด และได้รับความนิยมทางการเทรดในระยะสั้นและระยะยาว ข้อได้เปรียบของทองคำ คือ ความผันผวนหรือกรอบการสวิงราคาที่กว้าง ทำให้เทรดเดอร์โดยเฉพาะกลุ่ม “Day Trader” สามารถเข้ามาเก็บกำไรรายวันได้ง่าย อีกทั้ง ทิศทางของทองคำยังสามารถประเมินคร่าว ๆ ได้จากแนวโน้มของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)

เทรดเดอร์ที่มีความเชี่ยวชาญอาจกระจายพอร์ตการลงทุนไปที่ “น้ำมันดิบ” ซึ่งอาจเลือกได้ทั้งแบบ WTI หรือ Brent (ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ “เทคนิคการเทรดน้ำมันเบื้องต้น”) ทั้งนี้เพราะราคาน้ำมันมักมีจังหวะการกระชากเป็นช่วง ๆ ซึ่งอาจเหมาะกับกลยุทธ์การเทรดในระดับสูง เช่น Grid Trading เป็นต้น อีกอย่าง ราคาน้ำมันจะมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภูมิศาสตร์ทางการเมืองเป็นพิเศษ

ดังนั้น การพิจารณาว่าสินทรัพย์ใดเหมาะสำหรับนักลงทุนมากกว่ากัน อาจตัดสินอย่างหยาบ ๆ ได้ว่า นักเทรดสายเทคนิคอาจเหมาะกับทองคำมากกว่า เพราะตลาดมีสภาพคล่องสูง ทำให้การวิเคราะห์กราฟเทคนิคทำได้ง่าย ในขณะที่ คนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องปัจจัยภูมิศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ อาจสามารถเก็งกำไรทิศทางราคาน้ำมันจากปัจจัยพื้นฐานได้ดีกว่า

โบรกเกอร์เทรดสินค้าโภคภัณฑ์

ปัจจุบัน สินค้าโภคภัณฑ์สามารถลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ต และเทรดผ่าน Forex App ได้แล้ว สิ่งสำคัญคือคุณต้องเลือกใช้งานโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งต้องพิจารณาว่า เว็บไซต์ของโบรกเกอร์นั้น ๆ มีการประกาศตัวชัดเจนว่า ได้ถือครองใบอนุญาต (License) สากลใดบ้าง เช่น ASIC, FCA, CySec เป็นต้น

สำหรับนักเทรดคนไทย ให้เลือกหาโบรกเกอร์ CFD ที่มีฝ่ายบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง และมีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน หรือสามารถ Live Chat กับทีมงานได้โดยตรง ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์การพิจารณา ทั้งนี้ เพราะต้นทุนการให้บริการดังกล่าวที่ค่าใช้จ่ายที่สูง การมีทีมบริการที่แข็งขันย่อมสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงินของโบรกเกอร์ด้วย

ลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ใช้เงินขั้นต่ำเท่าไร?

เงินไม่ใช่ประเด็นหลักในการเริ่มต้นการเทรด เพราะโบรกเกอร์ให้ Leverage ที่ยืดหยุ่นมาก ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ AximTrade ที่ให้ใช้ Leverage สูงสุดที่ 3,000 เท่า หรือเราอาจเลือกใช้บัญชี Cent ที่ลดขนาดของธุรกรรมต่อครั้งลง 100 เท่า ทำให้สามารถเทรดแบบ Micro Lot ได้ โดยเงินลงทุนขั้นต่ำอาจเริ่มต้นเพียง 100 – 200 USD ก็สามารถเริ่มต้นเทรดได้แล้ว!

aximtrade
aximtrade broker