Aximdaily
โบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทย บทเรียน Forex

การเลือกโบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทย

วิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด

โบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทยมีอยู่ค่อนข้างมาก การเลือกให้ดีจึงเป็นสิ่งที่ควรทำแต่แรก ๆ เป็นสิ่งที่ต้องกระทำก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยซ้ำ แต่มักเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามมากที่สุด ต้องใช้เวลาและความอดทนในการค้นหาและเลือกโบรกเกอร์ Forex เป็นอย่างมาก เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ อีกทั้ง มีคำศัพท์ที่เกี่ยวกับเงื่อนไขการเทรดต่างๆ ที่ไม่ใช่คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้การเลือกโบรกเกอร์ Forex มีความยุ่งยากสำหรับมือใหม่ และอาจทำให้นักลงทุนไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการจริงๆ

แม้ว่า โบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทยจะจำนวนมากจะนำเสนอสเปรดที่ต่ำ รวมถึงโปรโมชั่นที่จูงใจคล้ายๆ กันทั้งหมด แต่การเลือกโบรกเกอร์ Forex ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องตรวจสอบที่คุณอาจคาดไม่ถึง บทความนี้จะอธิบายหลักการทั้งหมดให้กับคุณ

โบรกเกอร์ Forex คืออะไร?

โบรกเกอร์ Forex คือ ตัวกลางระหว่างเทรดเดอร์รายย่อยกับตลาด Forex และเครือข่ายธนาคารระหว่างประเทศ (Interbank) เทรดเดอร์รายย่อยไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายโดยตรงไปซื้อตลาด Forex หรือธนาคารระหว่างประเทศเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากมาตรฐานของธุรกรรมการซื้อขายจะมีขนาดใหญ่มาก (1 แสนดอลลาร์ต่อธุรกรรม) บทบาทของโบรกเกอร์ Forex จึงเป็นการอำนวยความสะดวกในการเทรด, รวบรวมคำสั่งเทรดของรายย่อย และส่งเข้าไปยังตลาดหลัก

วิธีการทำงานอย่างคร่าวๆ ของโบรกเกอร์ Forex คือ ตัวของโบรกเกอร์จะมีการ “เสนอราคา” ซึ่งรับต่อมาจากผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity provider หรือ LP) ซึ่ง LP เหล่านั้น ได้แก่ ธนาคารใหญ่ๆ ของโลกที่มีเงินตราต่างประเทศหมุนเวียนในระบบ และมารวมกันเป็น “เครือข่าย” ที่เรียกว่า Interbank อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ซึ่งโบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทยจริง ๆ ก็คือโบรกเกอร์สากลที่ขยายการดำเนินการมา ดังนั้น กลไกการทำงานก็เหมือนกัน

  • เทรดเดอร์รายย่อย – [เทรดผ่าน] – โบรกเกอร์ – [ซึ่งรับราคามากจาก] – LP
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทย

โบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทย ต้องดูอะไรบ้าง?

ตรวจสอบใบอนุญาต (License)

วิธีการเลือกโบรกเกอร์ Forex สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องมีใบอนุญาต หรือ License อย่างถูกต้องชัดเจน ต่อให้โบรกเกอร์จะเสนอทุกอย่างที่ครบครันสำหรับ แต่ถ้าไม่มี License ก็ต้อง “มองข้าม” ทันที เพราะเงินฝากของคุณมีโอกาสที่จะไม่ได้คืน และจะไม่มีอะไรรับประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพอร์ตการลงทุนของคุณ ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่า โบรกเกอร์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรการเงินในระดับนานาชาติ เช่น FCA, ASIC, CySEC เป็นต้น

ตัวอย่างในโบรกเกอร์ AximTrade ที่มีใบอนุญาตชัดเจน และเป็นสิ่งที่รับประกันว่า คุณจะปลอดภัยจากการหลอกลวงและการฉ้อโกง, มีความปลอดภัยของเงินฝากและข้อมูลส่วนบุคคล, ได้รับความคุ้มครองในฐานะนักลงทุนจากองค์กรกำกับดูแลเหล่านั้น

ประเภทบัญชีที่หลากหลาย

สำหรับโบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทย เราควรเลือกที่มีประเภทบัญชี Forex ที่หลากหลาย ซึ่งเท่ากับเป็นการกระจายโอกาสในการเข้าถึงตลาดการเงินของนักลงทุนรายย่อย เช่น บัญชี Cent สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงที่มากเกินไป เป็นต้น

นอกจากนี้ การมีประเภทบัญชีที่หลากหลาย ยังสะท้อนถึงความมั่นคงของโบรกเกอร์ได้อีกด้วย (แม้จะไม่มีน้ำหนักสูง) แต่การที่มีประเทบัญชีเยอะๆ หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อเดือนของโบรกเกอร์ก็จะเยอะมากด้วย ซึ่งโบรกเกอร์ที่หลอกลวงหรือไม่มั่นคง จะไม่สามารถเสนอความหลากหลายแบบนี้ให้กับลูกค้าได้

เงื่อนไขการเทรดที่เป็นมิตร

คำว่า “เงื่อนไขการเทรด” หรือ Trading Condition ข้อกำหนดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเทรด รวมถึงข้อกำหนดก่อนที่จะเริ่มต้นเทรด ซึ่งจุดนี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทบัญชีด้วย เช่น ข้อกำหนดในการฝากเงินขั้นต่ำ ก็ไม่ควรอยู่ในระดับที่สูงมากเกินไป โบรกเกอร์ที่ดีควรเปิดกว้างสำหรับนักลงทุนทุกประเภท ข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำอยู่ที่ 1$ – 50$ ถือว่าเป็นระดับที่ “ยอมรับได้” ในประเทศไทย

ข้อกำหนดก่อนที่จะเริ่มต้นเทรดที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ “การฝากและถอนเงิน” จุดนี้ควรเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่มีความยืดหยุ่นและมีช่องทางการชำระเงินที่คุณสะดวกสบาย เช่น ธนาคารภายในประเทศ (Local Bank), E-Wallet หรืออาจเป็นช่องทางใหม่ๆ อย่างเช่น Crypto Address เป็นต้น นอกจากนี้ คุณอาจตรวจสอบระยะเวลาในการฝาก-ถอน ซึ่งไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับคุณยอมรับได้หรือไม่ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ใช้เวลาฝากและถอน 1-3 วันทำการ

ส่วนข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการเทรดโดยตรง ได้แก่ สิ่งที่สร้าง “ค่าใช้จ่ายให้กับคุณ” เช่น สเปรดของบัญชีต่างๆ ควรเรียกเก็บเพียง 1-2 pips สำหรับคู่เงินทั่วไป หรือในกรณีที่ใช้บัญชี ECN ก็ควรเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นไม่เกิน 3$ – 4$ ต่อธุรกรรม (เปิดและปิดออเดอร์ นับเป็น 2 ธุรกรรม ดังนั้น ต้นทุนรวมจะอยู่ที่ 6$ – 8$ ต่อการเปิดปิดสัญญา 1 Lot)

สุดท้าย จะเป็นข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการเทรดในเรื่องของ Risk System ต่างๆ เช่น เลเวอเรจ (Leverage) นำเสนอให้เท่าไรบ้าง, Stop-Out Level ไม่ควรสูงเกินไป เช่น กรณีบัญชีเทรดของ AximTrade จะมี Stop-Out เพียง 30% เท่านั้น ซึ่งทำให้รองรับการเหวี่ยวของเวลาได้มาก เป็นต้น รายละเอียดทั้งหมดนี้ หากไม่แน่ใจคุณควรศึกษาพื้นฐานการเทรด Forex ให้มั่นใจก่อน


เลเวอเรจ

เลเวอเรจ นับว่าเป็นเครื่องมือทางการเงิน หรือ “Financial Tool” ประเภทหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องเอามาใช้ในตลาด Forex เนื่องจาก ปกติการเทรด Forex ในตลาด Interbank จะมีมาตรฐานธุรกรรมขั้นต่ำอยู่ที่ 100,000 USD ต่อธุรกรรม (เรียกว่า 1 Lot) ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเกินไปสำหรับนักลงทุนทั่วไป เลเวอเรจ เป็นตัวช่วยที่ทำให้นักลงทุนสามารถยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อไปลงทุนได้ เช่น Leverage 1:1000 ก็แปลว่าสามารถยืมเงินได้ 1,000 เท่า

โบรกเกอร์ควรนำเสนอเลเวอเรจที่ยืดหยุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่การให้เลเวอเรจสูงๆ เป็นดาบสองคม เพราะทำให้นักลงทุนมือใหม่ลงทุนเกินตัวได้ ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ Forex ในประเทศไทยต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ให้เลเวอเรจยืดหยุ่น ไปพร้อมๆ กับอนุญาตให้สามารถเปิดบัญชีย่อยหลายๆ บัญชีพร้อมกันได้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนสามารถแบ่งเงินออกเป็นกองๆ ได้

คู่เงินและตราสารที่มีให้เทรด

เรื่องนี้เป็นประเด็นเกี่ยวกับความสามารถในการกระจายความเสี่ยง และการเพิ่มโอกาสทางการลงทุน เราควรเลือกโบรกเกอร์ที่นำเสนอคู่เงิน Forex ที่ครอบคลุมทุกสกุลเงินหลัก รวมถึง คู่เงินไขว้อื่นๆ ที่เหมาะสม อย่างน้อยควรมีคู่เงินให้เลือกเทรด 30-40 คู่ รายละเอียดเหล่านี้มักจะอยู่ในเมนู Trading Product หรือ Contract Specification ของแต่ละโบรกเกอร์

นอกจากนี้ โบรกเกอร์ Forex ที่มีความมั่นคงสูง จะเปิดให้เทรดสินค้าอื่นๆ ที่สำคัญทั้งหมดในตลาดการเงิน เช่น หุ้นสหรัฐ, ทองคำ, น้ำมัน, ดัชนีหลักทรัพย์ และโบรกเกอร์สมัยใหม่ จะมีหมวดสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency ให้เทรดได้ ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ในการกระจายการลงทุน

แพลตฟอร์มในการเทรด

แบบฟอร์มการเทรด ก็คือ “ซอฟต์แวร์” สำหรับการส่งคำสั่งเทรดนั่นเอง โบรกเกอร์ Forex ควรใช้ซอฟต์แวร์ที่มีมาตรฐานกลาง เช่น MetaTrader ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งเวอร์ชั่น MT4, MT5 การใช้แพลตฟอร์มสากลจะเป็นการรับประกันได้ว่า คำสั่งเทรดของคุณ จะได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง โดยไม่มีการแทรกแซงใดๆ และที่สำคัญ คือ แบบฟอร์มการเทรดส่วนใหญ่มีข้อได้เปรียบตรงที่สามารถ “เสกเงิน” หรือบัญชีทดลองให้นักลงทุนมือใหม่ได้ฝึกฝนกันได้

สำหรับแพลตฟอร์ม Metatrader 4 หรือ MT4 นั่น นับว่าเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีหน้าต่างการใช้งานที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย ถ้ามีเครื่องมือช่วยเหลือที่ครับถ้วน เช่น Indicator EMA, RSI, Trendline เป็นต้น

ความเร็วในการส่งคำสั่งเทรด

เรื่องนี้อาจจะสังเกตได้ยากสำหรับมือใหม่ แต่ให้ลองทดสอบว่า เมื่อคุณส่งคำสั่งเทรดใน MT4 ไม่ว่าจะ Buy หรือ Sell ก็ตาม หน้าจอส่งคำสั่งได้ถูกปิดและขึ้นเป็น “สถานะเทรด” ทันทีหรือไม่ และรายการออเดอร์ที่เปิดอยู่ ควรปรากฏอยู่ที่ด้านล่างของ MT4 (Terminal) ทันที ไม่ควรเกิดการปฏิเสธคำสั่งเทรด (Requote – รีโควต) บ่อยครั้ง ทั้งนี้สำหรับโบรกเกอร์ AximTrade เฉลี่ยจะมีความเร็วในการดำเนินการคำสั่งเทรดเพียง 0.004 วินาทีเท่านั้น (ทันที)

ฝ่ายบริการลูกค้าที่จริงใจ

ฝ่ายบริการลูกค้าของโบรกเกอร์ คือทีมพนักงานของโบรกเกอร์ Forex นั้นๆ ที่มีหน้าที่ในการสนับสนุนลูกค้าในด้านข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ ควรเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่มีระบบ “แชทสด” ผ่านหน้าเว็บไซต์ และระยะเวลาในการตอบต้อง “เร็วหรือเกือบทันที” ขอนั่นสะท้อนถึงการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานและหมายความว่า โบรกเกอร์มีจำนวนคนในแผนกบริการลูกค้าที่เหมาะสม หากเป็นไปได้ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่สามารถสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง

แหล่งข้อมูลและการสัมมนา

โบรกเกอร์ Forex ที่ดี ควรลงทุนกับการสร้างแหล่งการศึกษาสำหรับเทรดเดอร์ โดยเฉพาะความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตลาด Forex ที่ถูกต้องและครบถ้วน แนะนำให้เลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ลงทุนกับการนำเสนอการเรียนการสอนผ่านวิดีโอ สะท้อนถึงความใส่ใจลูกค้า รวมถึงการฝึกอบรมสัมมนาต่างๆ โดยไม่ควรมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การอบรมควรเป็นการอบรมฟรี

โบนัสและโปรโมชั่น

การให้โบนัส Forex ไม่ใช่ส่วนที่สำคัญที่สุด แต่ถือว่า เป็นคะแนนเสริมในการพิจารณาการเลือกโบรกเกอร์ Forex ได้ โบนัส Forex มีหลายประเภท ตั้งแต่การแจกเงินให้สำหรับการเทรด โดยเป็นการ “ให้เปล่า” ก็มี หรือเป็นโบนัสเงินฝากเป็นเปอร์เซ็นต์ อาจจะ 20% – 50% เช่น ฝากเงิน 1,000$ จะได้รับโบนัสอีก 500$ เอาไว้ใช้สำหรับการเทรด เป็นต้น แต่ที่สำคัญที่สุด คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณเข้าใจเงื่อนไขการใช้งานโบนัสนั้นๆ เป็นอย่างดีแล้ว

เงื่อนไขการให้โบนัสของโบรกเกอร์ Forex แต่ละที่จะไม่เหมือนกันเลย น่าจะมีเงื่อนไขการริบโบนัสคืน หากเทรดเดอร์ทำผิดกฎที่ตั้งไว้ จึงต้องศึกษาเงื่อนไขให้ละเอียด และหลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่เขียนเงื่อนไขไม่ชัดเจน เพราะอาจทำให้เราทำการฝ่าฝืนข้อบังคับโดยไม่ตั้งใจได้โดยง่าย

เลือกใช้โบรกเกอร์ AximTrade ในประเทศไทย

สำรวจเงื่อนไขการเทรดที่เป็นมิตรกับโบรกเกอร์ AximTrade โบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกที่ให้เลเวอเรจไม่จำกัด โบนัสและโปรโมชั่นที่ออกมาเสิร์ฟตลอดทั้งปี แน่นอนว่ามาพร้อม ประเภทบัญชีที่หลากหลาย สินทรัพย์ทางการเงินที่ครอบคลุมทุกประเภทหลักของโลก ทั้ง คู่เงิน Forex, ทองคำ, น้ำมัน, หุ้น, ดัชนีหลักทรัพย์ ฯ,ฯ

AximTrade คือ โบรกเกอร์ Forex ชั้นนำที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลก ด้วยแพลตฟอร์ม MT4 และระบบ Copy Trade ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ใช้งาน AximTrade สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนในด้านเทคโนโลยี อีกทั้ง AximTrade ยังลงทุนกับแหล่งข้อมูลการศึกษา, การอบรมสัมมนา, การวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ ซึ่งทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

aximtrade
aximtrade broker