Aximdaily
เดย์เทรด คืออะไร

เดย์เทรด คืออะไร และเหมาะกับนักลงทุนแบบไหนบ้าง?

การเทรดแบบ “เดย์เทรด” หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จบเกมภายในวัน คือหนึ่งในวิธีการที่จะทำให้ได้กำไรอย่างรวดเร็ว และถ้าเราสามารถทำผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องจริง ๆ มันคือวิธีการที่สร้างเงินล้านได้รวดเร็วมากกว่าวิธีของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า แน่นอนว่า เส้นทางนี้เสี่ยงและบ่อยครั้งก็มีคนล้มตายระหว่างทางเป็นจำนวนมาก

แม้โอกาสประสบความสำเร็จดูจะมีน้อยนิดนัก เหตุผลใดที่ยังมีคนจำนวนมากมายยืนยันที่จะเดินทางไปสู่เส้นทางของ “Day Trader” พวกเขาจะต้องพบเจออะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวและศึกษาความรู้เพิ่มเติมอะไรบ้าง บทความนี้จะปูพื้นฐานทั้งหมดเกี่ยวกับการเดย์เทรด

เดย์เทรด คืออะไร?

Day Trading หรือ เดย์เทรด คือ ลักษณะหนึ่งของการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรโดยเฉพาะ กฎสำคัญคือจะไม่มีการถือสถานะหรือถือหุ้นข้ามวัน ต้องปิดแล้วทำกำไรภายในวันเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นวันไป ดังนั้น แนวคิดหลักของเดย์เทรด คือการเข้าไปเก็งกำไรโดยอาศัยประโยชน์จากความผันผวนของราคาในระยะสั้น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละวัน

เดย์เทรด คืออะไร

เดย์เทรด ได้รับความสนใจในกลุ่มนักลงทุนสมัยใหม่ โดยเฉพาะการเทรด CFD เนื่องจากเชื่อว่าเป็นวิธีการที่จะสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว ได้กำไรและถอนเงินกลับออกไปใช้ได้ทุกวัน อย่างไรก็ตาม การเทรดแบบเดย์เทรด คือสิ่งที่ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ มีกระบวนการวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่เช่นนั้นแล้วการเทรดในรูปแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการเล่นการพนัน

เดย์เทรด หรือ การพนัน

สิ่งที่ทำให้การเทรดรายวันดูเหมือน “การพนัน” คือความผันผวนและการสะบัดของราคาในแต่ละวันที่ดูเหมือนจะคาดการณ์ไม่ได้ และแน่นอนว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครคาดการณ์อนาคตของราคาได้ แต่ความผันผวนที่รุนแรงนี้เย้ายวนให้ “นักเสี่ยง” กล้าที่จะหย่อนเงินเข้าไปในแต่ละวัน พร้อมเมื่อราคามีการสะบัดผันผวนกลับไปกลับมา มันมีโอกาสสูงมากที่จะมีช่วงเวลาที่สถานะของเราจะเกิดกำไรขึ้น

แต่นักพนันจำนวนมากมักเสี่ยงเกินกว่าความเสี่ยงที่พอจะรับได้ และไม่ได้มีแบบแผนในการเข้าเก็งกำไร ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความผันผวนหรือสถานะที่ผิดทางได้อย่างไร แตกต่างจาก “เทรดเดอร์อาชีพ” ที่เชี่ยวชาญเรื่องการ “เดย์เทรด” เป็นอย่างดี

อย่างน้อย เมื่อก้าวมาสู่ในระดับของเทรดเดอร์ฝึกหัก พวกเขาจะรู้ว่า ต้องใช้ Technical Analysis ในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของกราฟในแต่ละวัน เช่น Indicator ยอดนิยมต่าง ๆ และประเมินว่า จุดไหนหรือโซนไหนของราคาที่มีโอกาสในการเข้าเสียงโดยมีอัตราการชนะมากกว่าแพ้ เทรดเดอร์มืออาชีพตระหนักว่า “ความผันผวน” คือความเสี่ยง แต่ระลึกเสมอว่า จะจัดการกับความเสี่ยงได้อย่างไร ในขณะที่นักพนันจะนึกถึงแต่กำไรเท่านั้น ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าว่าจะทำอย่างไรต่อเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังจะแพ้!

เดย์เทรด ทำกำไรได้จริงไหม?

เป็นคำถามที่มักเกิดขึ้นเมื่อเหล่าโบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ พยายามโปรโมทบริการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยการชูว่า มีผู้ที่ทำกำไรและร่ำรวยจากการเดย์เทรดมากมาย รวมถึงบรรดา “อินฟลูเอนเซอร์” ที่บ่อยครั้งก็นำกำไรมาโชว์กันให้เห็นว่า ในแต่ละวันพวกเขาทำเงินได้มากมายขนาดไหน

จนเกิดคำถามว่า เดย์เทรด ทำกำไรได้จริงไหม? เพราะเราต่างรู้ทีว่ายิ่งมีคนเข้ามาเทรดมากเท่าไร โบรกเกอร์ก็จะยิ่งได้ค่าคอมมิชชั่นมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็ต้องขอยืนยันอีกหนึ่งเสียง คนที่ประสบความสำเร็จจากการ “เดย์เทรด” นั้นมีจำนวนมากจริง ๆ เพียงแต่หากเทียบสัดส่วนจากนักลงทุนทั้งหมดหรือผู้ที่อยู่ในเกม กลับพบว่าพวกเขาอาจเป็นคนจำนวนเพียง 5% – 10% จากนักลงทุนทั้งหมดเท่านั้น

เช่นเดียวกับงานอื่น ๆ การเทรดมีลักษณะเหมือนกีฬาที่ไม่ได้รับประกันว่าคุณจะมีรายได้อย่างแน่นอน คุณจะไม่ได้รับการการันตีเงินเดือนเหมือนพนักงานประจำ แต่คุณต้องมีฝีมือและต้องแข่งขันหรือเอาชนะผู้เล่นคนอื่น ๆ ในตลาด ผู้เล่นจำนวนมากกว่า 80% คือคนที่เสียเงินให้กับผู้เล่นจำนวนน้อย

ดังนั้น ถ้าคุณต้องการที่จะได้เงินเยอะ ๆ และได้แบบรวดเร็ว คุณควรเลือกเส้นทางของ “เดย์เทรด” แต่นั่นก็หมายถึงคุณต้องยอมรับให้ได้ว่า มันคือเกม! มันคือการแข่งขัน! มันคือเส้นทางที่คุณจะต้องฝึกฝนอย่างหนักและต่อเนื่อง หากคุณไม่พร้อมที่จะมาเส้นทางนี้ หากคุณต้องการเพียงแค่ลงทุนในระยะยาวเพื่อให้เงินทุนเติบโตไปเรื่อย ๆ นั้น เดย์เทรด ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับคุณอย่างแน่นอน คุณควรศึกษาแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากกว่า


ข้อดีและข้อเสียของเดย์เทรด

การอุบัติขึ้นของตราสาร CFD ทำให้การเทรดคู่เงิน Forex และสกุลเงิน Cryptocurrency ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสินค้าทั้ง 2 ประเภทเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนสูง ทำให้คนนิยมนำมาเทรดกัน ในหัวข้อนี้จึงอยากมาสรุปข้อดีข้อเสียของการเดย์เทรด เพื่อให้คุณเช็คตัวเองอีกครั้งว่าเหมาะที่จะมาแนวทางนี้จริง ๆ หรือไม่?

ข้อดี

  • เป็นนายตัวเอง  คุณสามารถเป็นนายตัวเองได้ — หากคุณไม่ชอบที่จะเป็นลูกน้องคนอื่น “เดย์เทรด” ก็ถือเป็นหนึ่งในประตูที่จะเปิดโอกาสให้คุณสู่อิสรภาพ
  • ปลดแอกทางการเงิน  แน่นอนว่านี่หมายถึงคุณต้องอยู่ในระดับที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ขอยืนยันว่า “เดย์เทรด” สามารถสร้างเงินให้กับคุณได้มหาศาล (ถ้าถึงจุดนั้นได้จริง)
  • ตารางเวลาที่ยืดหยุ่น — แน่นอนว่าคุณสามารถทำงานได้จากที่บ้าน คุณแค่ต้องมีวินัยกับตารางเวลาเปิดปิดของตลาดเท่านั้น 
  • เข้าถึงแก่นของตลาด — เดย์เทรด ทำให้คุณต้องเข้าไปสัมผัสและพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของราคา คุณจะเห็นกระแสเงินที่ไหลเข้าออกในสินทรัพย์ต่าง ๆ มันจะทำให้คุณเข้าใจตลาดการเงินมากยิ่งขึ้น

ข้อเสีย

  • ความเสี่ยงสูงมาก — การต้องเข้าไปซื้อขายในตลาดที่ผันผวนอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว มันเป็นการลงทุนที่เสี่ยงกว่าการซื้อและถือครองหุ้นในระยะยาวมาก
  • ใช้เวลาฝึกฝนนาน — เดย์เทรด ต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดการเงิน รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่เทรดเดอร์จะใช้ในการทำงาน ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยระยะเวลาการฝึกฝนที่ยาวนานกว่าจะเทรดได้กำลังจริง ๆ
  • ความเครียด  แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพที่ได้รับฝึกฝนมาอย่างเป็นระบบ ก็ยังมีปัญหาในเรื่องการจัดการกับความเครียด เพราะธรรมชาติต้องมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของตลาดอยู่ตลอดเวลา ต่อให้ฝึกฝนการจัดการอารมณ์มาเป็นอย่างดี ก็ยังสามารถเจอกับความเครียดได้
  • ทักษะที่ไม่มีประโยชน์ในโลกของการทำงาน — วันหนึ่งที่คุณยอมแพ้ออกจากตลาด ทักษะทั้งหมดที่คุณฝึกฝนอาจจะไม่ได้มีประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริงเลย

ลองดูว่าคุณสามารถรับกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ คุณต้องพิจารณาถึงข้อเสียที่เราได้สรุปไว้ว่า คุณสามารถยอมรับกับมันได้หรือไม่ ถ้าได้คุณก็พร้อมที่จะเป็นคนที่จะคว้าเงินแสนเงินล้านจากการเดย์เทรด แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ายังไม่เหมาะกับมัน ก็ขอให้สบายใจว่า มีวิธีการลงทุนอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถทำเงินล้านได้ คุณไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นกับการเดย์เทรด

เดย์เทรด เริ่มต้นใช้เงินลงทุนเท่าไร?

ไอเดียของ เดย์เทรด คือ การใช้เงินลงทุนน้อย ๆ ปั้นพอร์ตให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งเมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้นแล้ว ก็อาจจะไม่ใช่หน้าที่ของเดย์เทรดอีกต่อไป ดังนั้น ถ้าถามว่า เดย์เทรด ควรใช้เงินเริ่มต้นเท่าไร? ถ้าเราเริ่มต้นจากแนวคิดเดียวกันนี้ เดย์เทรดก็ไม่ควรใช้เงินเริ่มต้นที่สูงมาก สำหรับสไตล์ Day Trading ในตลาด Forex อาจจำกัดเงินทุนไว้ที่ประมาณ 1,000 – 10,000 USD เท่านั้น เพราะนักเทรดจะคาดหวัง จะสามารถหาเงิน 1,000 – 100,000 USD ได้จากการเดย์เทรด และนำเงินไปลงทุนในตลาดที่ปลอดภัยกว่าในภายหลัง

และเหตุผลที่สามารถทำแบบนั้นได้ มันคือการที่โบรกเกอร์ Forex อนุญาตให้สามารถยืมเงินหรือที่เรียกว่าการใช้ Leverage ได้

เช่น หาก EUR/USD ขยับขึ้นมา 100 PIPS จาก 1.1100 เป็น 1.1200 หากเทรดเดอร์ลงทุนด้วยจำนวน 100,000 USD (1 Lot) เทรดเดอร์จะได้กำไรจากการเทรดนี้ 1,000 USD เลยทีเดียว ซึ่งในแต่ละวัน ราคา EUR/USD ก็ขยับประมาณ 50 - 100 PIPS เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม คุณต้องตระหนักเสมอว่า เดย์เทรด คือการเทรดแบบเก็งกำไร คุณต้องพยายามศึกษาว่าเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ คาดหวังกำไรจากเดย์เทรดเดือนละประมาณเท่าไร เป้าหมายที่สมเหตุสมผลและไม่ยากเกินไป อาจอยู่ที่ประมาณเดือนละ 20% หรือคิดเป็นเฉลี่ยวันละ 1% เป็นต้น หากต้องการผลตอบแทนมากกว่า แปลว่าคุณต้องเร่งรอบการเทรดหรือต้องเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งมันก็หมายถึงคุณต้องใช้ความรู้และความชำนาญมากขึ้นเช่นกัน


6 วิธีที่จะฝึกฝนตัวเองสู่การเป็น Day Trader

ความจริงคุณอาจจะต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับการเทรด Forex, หลักการเทรดทองคำ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาบ้าง เพราะในหัวข้อนี้จะแนะนำเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับมุมมองในเชิงจิตวิทยาที่จะทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์มืออาชีพมักผ่านขั้นตอนเหล่านี้กันมาแล้วทั้งนั้น

1. พัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง 

ในตลาดมีวิธีการเทรดในหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบอาศัยความชำนาญที่แตกต่างกัน รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการมอนิเตอร์ตลาดที่แตกต่างกันด้วย คุณอาจเลือกทดลองหลาย ๆ วิธีเพื่อดูว่าวิธีการไหนเหมาะกับจริตของคุณมากที่สุด โปรดตระหนักว่า มันไม่มีวิธีที่ดีที่สุด แต่จงเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ “เทรดได้เงินหรือไม่”

ซึ่งในเชิงกลยุทธ์แล้ว คุณอาจพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเทรดของคุณ

  • การวิเคราะห์แนวโน้ม – คุณต้องเลือกใช้เครื่องมือหนึ่งเครื่องมือใดที่ชัดเจนในการวิเคราะห์ว่า “แนวโน้มของราคา” อยู่ในสภาวะราคาแบบไหน เพราะมันนำไปสู่การเลือก “หน้าเทรด” รวมถึงกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน เช่น คุณอาจใช้ Moving Average เป็นหลักในการวิเคราะห์แนวโน้ม เป็นต้น
  • ข่าว – การประกาศข่าวหรือตัวเลขเศรษฐกิจมีความสำคัญกับ Day Trader อย่างมาก เพราะมันสร้างความผันผวนในขณะที่กำลังเทรดอยู่ ดังนั้น คุณต้องกำหนดให้แน่ชัดว่า กลยุทธ์ที่คุณกำลังจะใช้ จะเทรดชนข่าว (เทรดในจังหวะประกาศ) หรือเป็นรูปแบบไหน หรือจะจำกัดความเสี่ยงด้วยการออกจากการเทรดทั้งหมดก่อนที่จะประกาศข่าว เป็นต้น
  • ตามแนวโน้มหรือสวน! – คุณต้องกำหนดให้ชัดเจนด้วยว่า หน้าเพจหลักของคุณจะเทรดแบบตามแนวโน้มอย่างเดียวเท่านั้น หรือสามารถเทรดสวนทิศทางหลักได้ และหากเลือกที่จะเทรดส่วนทิศทางหลัก คุณจะใช้เครื่องมืออะไรในการกำหนดจังหวะเทรด เช่น อาจใช้ Stochastic Oscillator สำหรับการเทรดสวนแนวโน้ม เป็นต้น

2. ทำความเข้าใจเรื่องต้นทุนในการเทรด

ปัญหาของระบบเทรดที่นักเทรดมือใหม่พยายามพัฒนาขึ้นมานั้น มีสิ่งที่เป็น “Hidden Cost” ซึ่งทำให้การพัฒนาระบบเทรดไม่ตรงตามความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ในการเทรด Forex อาจจะไม่ได้มีความซับซ้อนมาก เพราะต้นทุนการเทรดหลัก ๆ จะมีเพียงค่าสเปรด (Spread) เท่านั้น โดยจะคิดเพียง 1-2 PIPS ต่อการเทรดแต่ละครั้งเท่านั้น ดังนั้น เมื่อพัฒนาระบบการเทรด เช่นระบบเทรดที่คาดหวังกำไร 10 PIPS ก็ต้องนับรวมต้นทุนการเทรดเข้าไปด้วย แปลว่า จากเดิมที่คำนวณไว้ 10 PIPS ก็ควรเพิ่มเป็น 12 PIPS เป็นต้น

ยิ่งคุณเทรดสั้นมากเท่าไร ต้นทุนการเทรดจะส่งผลต่อภาพรวมของพอร์ตการลงทุนของคุณมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่คุณควรเลือกเทรดกับโบรกเกอร์มาตรฐาน และมีต้นทุนการเทรดที่ต่ำเท่านั้น ในส่วนนี้เราแนะนำอ่านรีวิวโบรกเกอร์ AximTrade

3. แผนการเทรดที่ครอบคลุมและปฏิบัติได้จริง

แน่นอนว่า องค์ประกอบของระบบการเทรดที่ประสบความสำเร็จ มันก็มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ต้องพิจารณา นอกจากความครอบคลุมของประเด็นสำคัญแล้ว มันต้องเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริงด้วย ประเด็นในเรื่องของความครอบคลุม คือ มันต้องมีแผนและเงื่อนไขชัดเจนว่า จะเทรดด้วยการ Buy, Sell เมื่อไหร่ จากเงื่อนไขอะไร และจะออกหรือเก็บกำไรเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เรื่องนี้อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์บ้านในการค่อย ๆ พัฒนา

แต่ประเด็นที่สอง คือ แผนการเทรดเหล่านี้คุณต้องสามารถปฏิบัติได้จริงด้วย ซึ่งหมายความว่ามันต้องเข้ากับจริตและการใช้ชีวิตของคุณ เช่น หากคุณไม่ใช่คนที่สามารถมอนิเตอร์ตลาดได้อย่างยาวนาน คุณก็ไม่ควรกำหนดแผนการเทรดที่มีเงื่อนไขการซื้อขายจากกราฟ 5 นาที เป็นต้น

4. กิจวัตรแห่งความสำเร็จ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่อจากข้อที่ 3 หากแผนการเทรดของคุณรัดกุมและสามารถปฏิบัติได้จริงแล้ว คุณก็มีแนวโน้มที่จะยินดีปฏิบัติตามแผนการเทรดนั้นอย่างเคร่งครัด ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรแห่งความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม “การเทรด มันไม่ได้มีแค่การเทรดเท่านั้น” คุณต้องออกแบบกิจวัตรประจำวันให้คุณสามารถได้พักผ่อน ได้ออกกำลังกาย และได้มีเวลาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่อย่างสม่ำเสมอ

5. โฟกัสที่ความเสี่ยง

การปรับปรุงในที่นี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Optimizing” และสิ่งสำคัญที่คุณต้องปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมันคือเรื่อง “ความเสี่ยง” ไม่ใช่ผลกำไร ตำนานนักเทรดอย่าง “Larry Hite” เคยกล่าวว่า ถ้าคุณไม่เคารพความเสี่ยง ตลาดก็จะพาคุณไปสู่หายนะเช่นกัน

สิ่งสำคัญในเรื่องนี้คือคุณต้องเข้าใจพารามิเตอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความเสี่ยง เช่น Drawdown, Risk of Ruin, Consecutive Losing Trades เป็นต้น ในเบื้องต้นคุณอาจจะไม่ได้เข้าใจมันทั้งหมด แต่เมื่อคุณเทรดไปสักระยะ คุณสามารถค่อย ๆ ศึกษาทีละตัว แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงให้ระบบเทรดของคุณมีความเสี่ยงที่ลดลงได้

6. พัฒนาในด้านจิตวิทยา

ตำนานเทรดเดอร์อีกคน “Victor Sperandeo” ที่เริ่มมามีชื่อเสียงจากหนังสือ Principles of Professional Speculation ใน 1994 เขาเป็นอีกคนที่ยืนยันว่า “กุญแจสู่ความสำเร็จ คือ วินัยทางอารมณ์” แล้วเขาเป็นคนที่เชื่อว่า สิ่งที่แยกระหว่างเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จและเทรดเดอร์ที่ล้มเหลวก็คือเรื่องอารมณ์ล้วน ๆ เขากล่าวว่า “ถ้าความฉลาดเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ มันจะต้องมีคนทำเงินมากมายจากการเทรดได้มากกว่านี้”

ไอเดียหลักของจิตวิทยาในการเทรด จริง ๆ แล้ว อาจมีอยู่แค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น มันคือเรื่องที่เกี่ยวกับความโลภและความกลัว สภาวะของจิตใจที่ถูกกระตุ้นจากตลาด ภาวะที่เราเกิดความปลื้มปิติและดีใจอย่างล้นหลามเมื่อเทรดถูกทาง ซึ่งมักนำไปสู่ความประมาทในที่สุด หรือในทางกลับกัน การแพ้ที่ติดกันก็ทำให้เราเกิดความกลัว จนเราไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อไป เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่อาจประสบความสำเร็จจากการเทรดได้เช่นกัน

ถ้าเราเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้เป็นวัฏจักรทางอารมณ์ มันมีขึ้นมีลง มีรูปและความกลัวปะปนกันไปตามสภาวะตลาด คุณจะเริ่มเข้าใจตลาดด้วยการมองผ่านอารมณ์ของคุณ และนี่คือเคล็ดลับสำคัญของหลักจิตวิทยาในการเทรด มันสังเกตและฝึกฝนมันให้มาก คุณจะเป็นเทรดเดอร์ที่เหนือกว่าคนอื่น!


เปิดบัญชีสำหรับเดย์เทรด

เดย์เทรด คือรูปแบบการเทรดเพื่อการเก็งกำไรโดยเฉพาะ อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าคุณควรจะเลือกประเภทบัญชีเทรดที่เหมาะสมกับรูปแบบดังกล่าว โดยต้องเน้นบัญชีที่มีต้นทุนการเทรดต่ำ ๆ เช่น บัญชี ECN เป็นต้น อย่างไรก็ตามคุณต้องพิจารณาด้วยว่าสไตล์การเทรดของคุณ หรือจากสถิติการเทรดที่ผ่านมา คุณเป็นคนที่เทรดถี่หรือบ่อยมากแค่ไหน? เพราะหากเป็นเทรดเดอร์ที่มีรอบการเทรดสูง ๆ คุณก็อาจเลือกใช้ประเภทบัญชีแบบ Standard ได้เช่นกัน

เนื่องจากประเภทบัญชี Standard ต้องเป็นอีกประเภทที่มีต้นทุนการเทรดต่ำ แต่คุณจะได้รับโบนัสและโปรโมชั่นต่าง ๆ จากโบรกเกอร์ด้วย เช่น คุณอาจสามารถได้รับ CashBack กลับไปทุก ๆ ออเดอร์การเทรดของคุณ เป็นต้น ต่างจากบัญชี ECN ที่จะเป็นการส่งคำสั่งไปยัง Liquidity Pool โดยตรง คุณจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ หรือทางนี้คุณอาจจะเปิดบัญชีทดลองเพื่อทดสอบระบบของโบรกเกอร์นั้น ๆ ก่อนได้ เช่น ระบบ Demo Account ของ AximTrade ที่สร้างระบบจำลองให้คุณสามารถฝึกฝนการเทรดได้อย่างไม่มีจำกัด คลิกที่ปุ่มด้านล่าง!

aximtrade
aximtrade broker