หลายคนในวงการ Forex อาจเคยเห็นเทคนิคการเข้าเทรดจุดกลับตัวแบบปลายไส้เทียน หรืออาจสงสัยว่าทำไมเทรดเดอร์คนนี้ถึงสามารถระบุโซนกลับตัวได้แม่นยำนัก เชื่อหรือไม่ว่า? เทคนิคที่ดูยาก ๆ เหล่านั้น บ่อยครั้งมาจากการใช้เครื่องมือ Fibonacci ในการระบุพื้นที่ที่ราคาจะกลับตัว นักเทรดเรียกว่า “การลาก Fibo”
สารบัญ
Fibonacci Retracement คืออะไร?
Fibonacci Retracement คือ ระดับราคาต่าง ๆ ที่เกิดจากการวัดสัดส่วนจาก Low ไป High ของแต่ละรอบสวิงของราคา ทำหน้าที่แบบเดียวกับ แนวรับ-แนวต้าน ซึ่งเป็นการคาดการณ์ว่า ราคาน่าจะสามารถกลับตัวในบริเวณแนวดังกล่าวได้ ทั้งนี้ เทรดเดอร์จะนิยมใช้อินดิเคเตอร์อื่น ๆ ควบคู่ไปกับการวัดแนว Fibo เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น MACD, Moving Average เป็นต้น
Retracement แปลว่า การถดถอยของราคา ซึ่งหมายถึง การย่อตัวของราคาจากแนวโน้มหลัก ทั้งนี้ Fibonacci Retracement โดยพื้นฐานแล้วถูกออกแบบมาในมุมมองของ Trend Following โดยมีจุดประสงค์เพื่อหา “แนวรับที่เป็นไปได้” สำหรับการเข้าซื้อในตลาดขาขึ้น รวมถึงแนวต้านในการเข้า Sell ในตลาดขาลง
Fibonacci Retracement คำนวณมาจากอะไร?
Fibonacci Retracement ที่ใช้ในการเทรด ประยุกต์แนวคิดมาจาก “Fibonacci Sequence” หรือ “ลำดับฟีโบนัชชี” ซึ่งเป็นรูปแบบทางคณิตศาสตร์ที่เรียงลำดับเริ่มต้นจาก 0, 1 และทุก ๆ ตัวเลขถัดไป จะเป็น “ผลรวมของเลขสองตัวก่อนหน้า” เช่น 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 377 ไปเรื่อย ๆ จนไม่มีที่สิ้นสุด
ชื่อ “Fibonacci” ก็มาจาก “Leonardo Fibonacci” นักคณิตศาสตร์จากอิตาลี ที่มองเห็นว่ารูปแบบทางคณิตศาสตร์ดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับ “ความปกติ” ของสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติ สัดส่วนอวัยวะ, ต้นไม้, การแพร่ทางธรรมชาติมักมีอัตราการขยายตัวที่สอดคล้องกับ Fibonacci Sequence โดยเฉพาะ The Golden Ratio
The Golden Ratio หรือ อัตราส่วนทองคำ คือ คณิตศาสตร์อีกชุดหนึ่งที่ซ้อนกันอยู่ในลำดับฟีโบนัชชี เกิดจากการนำ “ตัวเลขใด ๆ หารด้วยตัวเลขก่อนหน้า” ซึ่งจะเท่ากับประมาณ 1.618 เสมอ ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางคณิตศาสตร์ และอย่างที่เกริ่นไป การขยายตัวทางธรรมชาติบางอย่าง ก็มักขยายไปสุดที่ 1.618 เท่า
และเมื่อพลิกแพลงกลับไปกลับมา จะได้เลขต่าง ๆ ที่น่าสนใจ (ซึ่งบังเอิญตลาดการเงินมักไปตอบรับกับชุดตัวเลขดังกล่าว) กลายเป็นชุดตัวเลข Fibonacci retracement ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ 23.6%, 38.2%, 61.8% และ 78.6% รวมถึง 161.8% อีกด้วย ซึ่งถูกนำมาใช้แทน Indicator ยอดนิยมต่าง ๆ
แนวคิดการใช้ Fibonacci Retracement ในตลาด Forex
Fibonacci Retracement ใช้งานได้ดีกับตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องสูง ๆ ทุกสินทรัพย์ไม่ใช่แค่ตลาด Forex แต่ยังรวมถึงตลาดหุ้นและการเทรดคริปโตด้วย ซึ่งการตี Fibo จะอยู่บนพื้นฐานของ Dow Theory ซึ่งมองว่า ความลึกของระดับการ Retracement (ย่อตัว) ส่งผลต่อเทรนด์ของราคา
- ราคาย่อมา 38.2% แล้วไปต่อ แปลว่า เทรนด์แข็งแกร่งมาก
- ราคาย่อมา 50.0% แล้วไปต่อ แปลว่า เทรนด์แข็งแกร่งปานกลาง
- ราคาย่อมา 61.8% แล้วไปต่อ แปลว่า เทรนด์แข็งแกร่งไม่มาก (มักเป็นไซด์เวย์ แล้ววิ่งต่อ)
ตัวเลข Fibonacci Retracement อื่น ๆ ก็มีความหมาย ก็อาจไม่ได้ใช้เป็นแนวรับหรือแนวต้านโดยตรง เช่น 23.6% โดยหากราคาย่อมาที่ 23.6% แล้ววิ่งไปต่อ แปลว่า เทรนด์แข็งแกร่งมาก ซึ่งน้อยครั้งที่เทรดเดอร์จะกล้าเข้าเทรดในจังหวะ 23.6% (แล้วแต่กลยุทธ์)
อย่างไรก็ตาม ในตลาด Forex กลายเป็นว่า ระดับ Fibonacci Retracement ที่ 61.8% ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะโดยพื้นฐานของตลาด Forex ที่ปัจจัยพื้นฐานบังคับให้คู่เงิน Forex เคลื่อนไหวเป็นไซด์เวย์ในภาพใหญ่ จึงทำให้ในไทม์เฟรมใหญ่ ๆ ราคามักย่อมาที่ 61.8% ตามกลไกราคา (ธนาคารและกองทุนมักเข้ามาซื้อขายตามกรอบใหญ่ ทำให้เกิดการย่อแรง ๆ)
วิธีการตี Fibonacci
- เทรดเดอร์ต้องระบุก่อนว่า ตลาดอยู่ในแนวโน้ม ‘ขาขึ้น’ หรือ ‘ขาลง’
- ในเทรนด์ขาขึ้น ให้ลาก Fibonacci จากจุดเริ่มต้นของรอบการสวิงของราคา (Swing Low) และลากขึ้นไปที่ High ของรอบนั้น ๆ (พูดง่าย ๆ คือ ลาก Fibo จาก Swing Low ไป Swing High)
- แต่ในเทรนด์ขาลง ให้ลาก Fibonacci จาก Swing High ไป Swing Low แทน
ไอเดียตัวอย่างจากภาพด้านบน เป็นการลาก Fibo จาก Swing Low เป็น Swing High แปลว่า กำลังพิจารณาเทรนด์ขาขึ้น แล้วรอเข้า Buy ในจังหวะที่ราคาดึงกลับมา ซึ่งในภาพได้จำลองว่า แท่งเทียนได้กลับตัวที่บริเวณ 50% ก็อาจหมายถึงจังหวะการเข้า Buy ได้
ในเชิงกลยุทธ์ สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายมาก เช่น สมมติเรากำหนดกลุยทธ์เฉพาะเมื่อราคาดึงกลับมาที่ 61.8% ซึ่งตามทฤษฎีแนวโน้ม จะมองว่าราคาเริ่มอ่อนกำลัง จึงมีแนวโน้มจะเคลื่อนเป็นไซด์เวย์มากกว่า ดังนั้น กลยุทธ์เทรด Forex ที่กำหนดขึ้นมาอาจเลือกเข้า Buy ที่แนวโน้ม 61.8% และตั้ง Take Profit ที่แนว 50.0% หรือ 38.2% ขึ้นไป
▶ เปิดบัญชีเทรดกับ AximTrade
Fibonacci Retracement ยังเป็นเครื่องมือที่ต้องอาศัยความชำนาญในการพิจารณากราฟราคา อย่างที่เราจะเห็นว่า Fibonacci ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของการกำหนดจุด Swing Low, High อันจะต้องใช้ดุลยพินิจของเทรดเดอร์แต่ละคน ดังนั้น การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้
แต่การฝึกฝนด้วยบัญชีจริงอาจทำลายสุขภาพจิต เนื่องจากเทรดเดอร์มือใหม่มีแนวโน้มจะยังไม่สามารถควบคุมและยังไม่อยู่วิธี “วางใจ” ในการเทรดแต่ละครั้ง ทำให้อาจสูญเสียทั้งเงิน สุขภาพ และเวลา แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถฝึกฝนผ่านบัญชีทดลอง (Demo Account) ได้ มันคือระบบจำลองสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริงทุกประการ ทำให้คุณเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเทรดได้โดยไม่มีความเสี่ยง คลิกที่ปุ่มด้านล่างเพื่อทดลองเปิดบัญชีฟรี!
