Spread (สเปรด) เป็นส่วนประกอบสำคัญในการตัดสินใจในการเลือกว่าจะเทรดหรือไม่ รวมถึงเป็นส่วนพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่คุณจะใช้งานประจำ มันส่งผลถึงอัตราการแพ้ชนะในภาพรวมของการซื้อขายได้เลยทีเดียว เพราะค่า Spread คือหนึ่งในต้นทุนที่สำคัญที่สุดในการเทรด Forex
Spread คืออะไร?
ค่า Spread คือ ความต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่สกุลเงิน ซึ่งมีหน่วยวัดเป็น “Pip” โดย Spread จะเป็นต้นทุนสำคัญในการเทรด เพราะเป็นจำนวนเงินที่จ่ายให้กับโบรกเกอร์ในทันทีเมื่อเปิดสถานะ
นักลงทุนโดยทั่วไปอาจไม่ได้สังเกตเห็นถึงความแตกต่างนี้ ยิ่งในตลาด Forex ในคู่สกุลเงินหลัก ๆ จะมีความแตกต่างของ Bid-Ask เพียง 1-2 Pip เท่านั้น ยิ่งตลาดมีสภาพคล่องหรือมีคนซื้อขายจำนวนมาก ตลาดจะมีค่า Spread ที่ต่ำ
เมื่อซื้อขายในคู่สกุลเงิน GBP/USD ราคาซื้อขายมักถูกแสดงเป็นเลขสองชุด เช่น 1.3089/91 ซึ่งตัวเลขแรกแทนราคาเสนอซื้อ (Bid) ที่ $1.3089 ในขณะที่ตัวเลขที่สองแทนราคาเสนอขาย (Ask) ที่ $1.3091 และความแตกต่างหรือค่า Spread ก็คือ 2 Pips
- ค่า Spread มาจากส่วนต่างของ Ask กับ Bid
- 1.3091 – 1.3089 = 0.0002 หรือ 2 Pips
Spread ในตลาด Forex มีกี่ประเภท?
ในการเทรด CFD ในปัจจุบัน จะมีรูปแบบค่า Spread หลัก ๆ ที่นิยมให้บริการลูกค้า ได้แก่ รูปแบบคงที่ กับ รูปแบบลอยตัว
Fixed Spread หรือ แบบคงที่
ค่า Spread คงที่ หมายถึง กลไกที่โบรกเกอร์จะรับประกันว่า ส่วนต่างราคาซื้อขายจะคงที่ตลอด หรืออย่างน้อยก็อยู่ในกรอบที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เช่น ค่า Spread ที่ 1 Pip ตลอดเวลา หรืออาจจะขยับ 1 – 1.1 Pip ตลอดทั้งวัน ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์ไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนที่ผันผวน อย่างไรก็ตาม ค่า Spread อาจขยับกว้างขึ้นในกรณีการประกาศข่าวรุนแรงได้ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับรูปแบบ Spread ในทุกแบบ
Fixed Spread จะเป็นรูปแบบปกติสำหรับบัญชี Standard โดยคู่เงินหลัก ๆ เช่น EURUSD สำหรับโบรกเกอร์ AximTrade จะอยู่ที่ 1 – 1.1 Pip ตลอดทั้งวัน
Variable, Floating Spread หรือ แปรผัน, ลอยตัว
Variable หรือ Floating Spread เป็นลักษณะของค่า Spread ที่ตรงกันข้ามกับแบบ Fixed Spread เพราะโบรกเกอร์จะปล่อยให้ราคา Spread เคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาด ดังนั้น ช่วงเวลาช้า ๆ ที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย ก็อาจทำให้ Spread กว้างขึ้น และอาจขึ้นไปหลัก 2-3 Pip ไปช่วงเช้ามืดถึงช่วงตลาด Asian Session
ค่า Spread แบบ Variable, Floating ส่วนใหญ่จะใช้กับบัญชี ECN ที่โบรกเกอร์เป็นเพียงตัวกลางในการจัดการคำสั่งซื้อขายเท่านั้น แต่หากเป็นบัญชี Standard แบบ Floating ทางโบรกเกอร์จะมีข้อมูลกำกับไว้ตามข้อบังคับเพื่อไม่ให้นักลงทุนสับสน
ข่าว Forex สำคัญที่ส่งผลกับค่า Spread
ค่า Spread เป็นต้นทุนหลักในการเทรด Forex, CFD โดยส่วนต่างที่ต่ำ เราจะเรียกว่า Spread แคบ, ต่ำ หรือ “Tight Spread” และส่วนต่างที่กว้าง เราเรียกว่า Spread กว้าง, แพง หรือ “Wide Spread” ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่า Spread แพงขึ้น คือความผันผวนที่รุนแรง ณ วินาทีที่มีการประกาศข่าว Forex ที่สำคัญ ๆ
- อัตราดอกเบี้ย: การประกาศอัตราดอกเบี้ยส่งผลรุนแรงต่อตลาดการเงิน เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อการไหลเวียนของกระแสเงินลงทุน จะมีการซื้อขายจำนวนมากกว่าปกติในช่วงเวลานี้ และค่า Spread จะกว้างออก
- เงินเฟ้อ: ตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศที่สำคัญ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, จีน ถือว่าเป็นตัวเลขสำคัญต่อการลงทุน มักเกี่ยวข้องกับการปรับพอร์ตของนักลงทุนหุ้น และส่งผลกลับมายังตลาด Forex
- Non-Farm Payroll: เป็นตัวเลขที่สำคัญในตลาด Forex และทองคำมากที่สุด ตัวเลขการจ้างงานคือการบอกถึงสุขภาพทางเศรษฐกิจ โดย ณ วินาทีที่ประกาศ Spread จะกว้างออกอย่างมาก
- การแทรกแซงของธนาคารกลาง: นอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว ธนาคารกลางมีหลายเครื่องมือในการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งการประกาศข่าวแบบนี้จะทำให้ตลาดตกใจ และ Spread จะกว้างออกได้
- สถานการณ์ทางการเมือง: คล้ายกับกรณีของธนาคารกลาง เหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความมั่นคง เช่น การโจมตี, การรัฐประหาร ฯลฯ จะเปลี่ยนแปลงมุมมองของนักลงทุนและกระแสเงินลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อค่า Spread ในตลาด Forex ได้เช่นกัน
จะสังเกตเห็นว่า ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวที่มีตารางประกาศชัดเจน ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ และ Non-Farm Payroll ซึ่งเทรดเดอร์สามารถวางแผนได้ล่วงหน้า แต่ข่าวนอกตารางจะเป็นส่วนที่เทรดเดอร์ต้องคอยติดตามจากหน้าสื่อในทุก ๆ สัปดาห์
เลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำ
การรู้ว่า โบรกเกอร์ Forex ที่เราใช้งานอยู่มีการกำหนดค่า Spread แบบไหน คือสิ่งสำคัญอันดับแรกก่อนจะเปิดบัญชี เพราะมันคือต้นทุนหลักในการเทรด Forex โดยสำหรับโบรกเกอร์ AximTrade ในบัญชี Standard จะมีการกำหนดเป็น Fixed Spread และเฉลี่ยอยู่เพียง 1 Pip เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่ต่ำมาก
เป็นเหตุผลที่ควรเลือกเทรดกับ AximTrade เพราะค่า Spread ส่งผลต่อผลลัพธ์ของกำไรในระยะยาว โดยเฉพาะนักเทรดที่เน้นเทรดระยะสั้น หรือเทรดจบในวัน จะต้องการค่า Spread ที่แคบมาก เพราะบ่อยครั้งที่ตลาดอาจมีกรอบราคาที่ต่ำอยู่แล้ว เช่นช่วงเช้า ๆ อาจเคลื่อนไหวเพียง 15 – 20 Pips หากบัญชีของเรามีค่า Spread เกิน 3-4 Pips ก็จะทำกำไรได้ยากมาก ดังนั้น จึงควรเลือกหาโบรกเกอร์ที่ Spread ตำ ๆ
เปิดบัญชีกับ AximTrade
AximTrade เป็นผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์แบบ Multi-Asse รวมถึง Forex, CFD ที่ผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูงและแพลตฟอร์มการเทรดสากล MetaTrader 4 มาพร้อมกับเงื่อนไขการเทรดที่ยืดหยุ่น และ Leverage ที่ไม่จำกัด! คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่าง!
