Aximdaily
Forex คืออะไร

Forex คืออะไร? เหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน?

Forex กลายเป็นจำเลยของสังคมในฐานะ “อาชญากรรมทางการเงิน” มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจริง ๆ แล้ว มันเป็นเพียงเครื่องมือหรือรูปแบบหนึ่งของการลงทุนในตลาดการเงินเท่านั้น และเป็นสิ่งที่สามารถสร้างรายได้ “ก้อนใหญ่” ได้จริง ๆ อีกด้วย บทความนี้จะอธิบายพื้นฐานทั้งหมดเกี่ยวกับ Forex ว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ และเหมาะกับนักลงทุนประเภทไหนบ้าง?

Forex คืออะไร?

Forex คือ ธุรกรรมการซื้อขายสกุลเงินระหว่างประเทศ แลกเปลี่ยนกันระหว่างสกุลเงินหนึ่ง ๆ ไปเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยคำว่า Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange มีความหมายรวมไปถึง “ตลาด” ที่เป็นแหล่งสถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินเหล่านั้นอีกด้วย เดิมทีเราอาจคุ้นเคยกับตลาด Forex ในรูปแบบ “ออฟไลน์” ที่ต้องเดินไปแลกเงินที่ธนาคาร หรือร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่ในปัจจุบันตลาด Forex เติบโตขึ้นมากและสามารถซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ราคาของ “สกุลเงิน” เราเรียกว่า “อัตราแลกเปลี่ยน” (Exchange Rate) ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา มีวัฏจักรของการอ่อนและแข็งค่าของสกุลเงิน โดยทั่วไป สกุลเงินหนึ่ง ๆ มักมีความผันผวนเฉลี่ย 0.5% – 1% ต่อวัน และหากสกุลเงินนั้น ๆ มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ก็อาจแข็งค่าหรืออ่อนค่าได้มากถึง 5% ในแต่ละสัปดาห์ มันทำให้ “นักเก็งกำไร” มองเห็นโอกาสนี้ และนำไปสู่การศึกษาเกี่ยวกับ “การเทรด Forex” กันอย่างจริงจัง

Forex คืออะไร

ประเภทของการเทรด Forex

เมื่อ Forex เป็นแค่การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน และส่วนต่างของราคาก็ “น้อยนิด” มาก มันก็ยิ่งไม่กระจ่างว่า “การเทรดฟอเร็กซ์ออนไลน์” จะสามารถสร้างรายได้จากเงินทุนน้อย ๆ ได้อย่างไร เพราะสมมติหากสกุลเงินเคลื่อนไหวเพียง 1% ต่อสัปดาห์ เช่น ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา 1% ก็แปลว่า เงินลงทุน 100 USD ของเรา จะกลายเป็น 101 USD!

กำไรเพียงเท่านี้ไม่น่าจะพอเลี้ยงชีพ ไม่สามารถเรียกว่า “ก้อนใหญ่” แบบที่เกริ่นไปแต่แรก แต่ทำไมกลับมีการกล่าวอ้างกันว่า สามารถสร้างกำไรได้เดือนละ 10-20 % เช่น เงินทุน 100 USD แต่เทรดได้กำไรมากถึง 10 – 20 USD ต่อเดือน เป็นต้น หรือราว ๆ 1% ต่อวัน เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร? (เฉลย – เพราะสิ่งที่เรียกว่า “CFD”)

การที่คุณจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราอยากพาไปทำความเข้าใจกับภาพรวมของตลาด Forex ก่อนว่า ในปัจจุบันมีรูปแบบใดบ้าง? ก่อนจะอธิบายว่า ทำไม CFD จึงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเทรด Forex

Spotคือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินกันจริง ๆ และซื้อกันที่ “ราคาปัจจุบัน”
Forex CFD ***เป็นการซื้อขายสัญญาที่อ้างอิงราคาจาก Spot เลือกเล่นได้ทั้ง Buy, Sell คิดกำไรขาดทุนกันเฉพาะที่ส่วนตัวของราคา
Forex Futureเป็นการซื้อขายสัญญา + กำหนดวันส่งมอบ ผู้ซื้อต้องชำระราคาเมื่อครบกำหนด
Forex Optionเป็นการซื้อขายสัญญาที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ซื้อ (คล้ายใบจอง) ว่าจะซื้อหรือขายสกุลเงิน ณ เวลาหนึ่ง ๆ ในอนาคตหรือไม่

ตารางข้างต้นเป็นการอธิบายประเภทต่าง ๆ ของ Forex แบบคร่าว ๆ แต่จะเห็นว่า การซื้อขายสกุลเงินแบบปกติ คือการเทรดที่เรียกว่า Forex Spot การเข้าไปเดินแลกเงินที่ร้านรับแลกเงินต่าง ๆ ก็จัดว่าอยู่ในประเภทนี้ และเป็นประเภทที่เราบอกว่าไม่สามารถทำให้รวยได้! นักเทรดที่ต้องการกำไรมากขึ้นหรือต้องการบริหารความเสี่ยง (Hedge) ของพอร์ต จะใช้เครื่องมือ 4 อันที่เหลือ ซึ่งทั้งหมดจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “Derivative” (ตราสารอนุพันธ์)

Derivative

Future, Option, Swap เป็นตราสารทางการเงินที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน นิยมใช้สำหรับบริษัทเพื่อการนำเข้าส่งออกและนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกับการ “ซื้อประกัน” เพื่อปกป้องมูลค่าของ “สินทรัพย์ที่ถือครองอยู่” ตราสารเหล่านี้จะมีการคำนวณที่ซับซ้อน และมีการกำหนด “วันส่งมอบสินค้า” ความซับซ้อนดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์สำหรับการป้องกันความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย

ตราสารดังกล่าวข้างต้น จะแตกต่างจาก CFD ที่มีวัตถุประสงค์ในฐานะเป็น “เครื่องมือเพื่อการลงทุนหรือการเก็งกำไร” (Investment Vehicle, Speculate Vehicle) และถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานง่ายสำหรับนักลงทุนทั่วไป โดย CFD จะมีลักษณะคล้ายกับการซื้อขายแบบ Spot แต่นักลงทุนสามารถเลือกที่จะใช้ “Leverage” ได้อย่างยืดหยุ่น เช่น เพิ่มอัตราทด 10 เท่าสำหรับการ Buy ในแต่ละครั้ง!

การเทรด Forex CFD ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะข้อได้เปรียบหลัก ๆ คือ ใช้อัตราทดได้มาก ตั้งแต่ 100 – 3,000 เท่าของเงินลงทุน ซึ่งจะได้อธิบายในหัวข้อถัดไป

Forex CFD

การเทรด Forex มากกว่า 90% ที่เห็นในอินเตอร์เน็ต จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า “CFD Trading” ทั้งสิ้น ซึ่งในปัจจุบันจะใช้งานควบคู่กับแพลตฟอร์ม MetaTrader (ทั้งเวอร์ชั่น MT4, MT5) ดังนั้น หากคุณเห็นว่าโบรกเกอร์นั้น ๆ มีบริการ MetaTrader 4 ให้ใช้งาน ก็บอกได้คร่าว ๆ ว่านี่เป็นโบรกเกอร์มาตรฐานทั่วไปสำหรับการเทรด Forex

แพลตฟอร์มเทรด Forex CFD

ทำไม Forex CFD จึงสามารถทำกำไรได้เยอะ?

จริง ๆ แล้ว CFD คือ ตราสารทางการเงินในกลุ่มที่เรียกว่า “Derivative” ซึ่งคล้ายกับการเทรดฟิวเจอร์มาก (Future Trading) แต่ Forex CFD เปิดโอกาสให้สร้างกำไรได้มากกว่าเนื่องลักษณะเฉพาะของ CFD โดย Forex CFD มีคุณสมบัติสำคัญ 4 ประการ ได้แก่

  1. ใช้ Leverage ได้ไม่จำกัด ***
  2. เลือกเล่นได้ทั้งฝั่ง Buy หรือ Sell
  3. ใช้ระบบ PIP/Point ในการกำหนด “ส่วนต่างของราคา”
  4. ใช้ระบบ Lot ในการกำหนด “หน่วยซื้อขาย”

ข้อ [1] และ [2] คือสิ่งที่ทำให้ Forex CFD สามารถทำกำไรได้เยอะกว่า “ประเภทของการเทรด Forex” อื่น ๆ ที่อธิบายไปในหัวข้อที่แล้ว ทั้งนี้ CFD ทำให้คุณสามารถเลือก Buy หรือ Sell (เหมือน Future Trading) ได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นข้อดีที่เหนือกว่าการลงทุนแบบ Forex Spot ที่คุณต้องรอซื้อและถือไปจนกว่าค่าเงินจะแข็งค่าขึ้นเท่านั้น

ส่วน Leverage ทำให้ สามารถลงทุนในจำนวนที่มากกว่าเงินที่มีอยู่ได้! (และเดิมที CFD เป็นตราสารสำหรับนักลงทุนระดับ VIP ในสถาบันการเงินที่ต้องการ Leverage ที่ยืดหยุ่นหรือไม่จำกัด ซึ่งไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว เป็นข้อตกลงส่วนตัวของโบรกเกอร์และนักลงทุน) และสำหรับโบรกเกอร์ AximTrade นั่นจะเปิดให้ลงทุนด้วย Leverage ได้ตั้งแต่ 10 – 3,000 เท่า!

พูดง่าย ๆ ก็คือ เงินเพียง 10 USD เราสามารถลงทุนได้ก็เหมือนมีเงิน 30,000 USD เลยทีเดียว! แต่นั่นก็หมายถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะขอเพียงคู่เงิน Forex ใด ๆ ที่คุณกำลังเทรดอยู่ มีการเปลี่ยนแปลงไปเพียง 0.1% มูลค่าการได้เสียในแต่ละครั้งของคุณคือ 30 USD!

  • นั่นเพราะคุณกำลัง “เล่น” ด้วยขนาด 30,000 USD
  • คุณเทรดผิดทางแค่ 0.1% = ขาดทุน 30 USD

ในกรณีนี้ พอร์ตของคุณจะโดนบังคับปิดออเดอร์ทั้งหมด และบัญชีจะเหลือเงิน 0 USD ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คุณได้แพ้และบัญชีเหลือ 0 USD ตั้งแต่ที่เทรดผิดทางเพียง 0.03% เรื่องนี้คุณจะเข้าใจได้ละเอียดมากขึ้นในหัวข้อ “วิธีการคำนวณกำไรของ Forex”

วิธีการคำนวณกำไรของ Forex

นอกจากเรื่องของ Leverage ที่ทำให้ Forex CFD สามารถทำกำไรได้มหาศาลแล้ว โครงสร้างของ CFD ก็จะมีระบบ PIP/Point ในการนิยามและวัดค่า “ส่วนต่างของราคา” และกำหนดระบบ Lot ขึ้นมาแทนหน่วยซื้อขาย ดังที่ได้เกริ่นไว้ในหัวข้อที่แล้ว ซึ่งจะได้อธิบายดังต่อไปนี้

Lot ในตลาด Forex

ระบบ Lot ใน CFD คือการกำหนดว่า แต่ละ Lot จะมีเงินค่าเท่ากับกี่หน่วย (Unit) โดยค่ามาตรฐานสำหรับสินค้าทั่วไปจะอยู่ที่ 1 Lot = 100,000 Units อย่างไรก็ตาม จะมีความแตกต่างกันในแต่ละประเภทสินค้าอยู่บ้าง โดยเฉพาะหุ้นและคริปโตที่มักมีราคาต่ำมากหรือแพงมากจนต้องปรับจำนวน Unit ให้สอดคล้อง แต่สำหรับ Forex แล้ว 1 Lot = 100,000 Units ซึ่งมีความหมายดังนี้

  • Buy EURUSD 1 Lot = ซื้อ 100,000 EUR (แล้วขาย USD ในจำนวนที่มีมูลค่าเท่ากัน)
  • Buy USDJPY 1 Lot = ซื้อ 100,000 USD ( แล้วขาย JPY ในจำนวนที่มีมูลค่าเท่ากัน)
  • Sell USDJPY 1 Lot = ขาย 100,000 USD (แล้วซื้อ JPY ในจำนวนที่มีมูลค่าเท่ากัน)

เช่น ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน EURUSD ณ ขณะนั้นเท่ากับ 1.1515 หากเรา Buy EURUSD จำนวน 1 Lot (100,000 EUR) ที่ราคาดังกล่าว แปลว่า เราต้องใช้เงินทุน 100,000 x 1.1515 USD = 115,150 USD หลังจากนั้นหักราคาขยับขึ้นไปเป็น 1.1538 ก็จะเท่ากับว่า เราได้กำไร 115380 – 115,150 = 230 USD

นี่คือหลักการพื้นฐานของระบบ Lot แต่นี่ไม่ใช่วิธีการปกติที่นักเทรด Forex ใช้ในการคำนวณ (แต่ต้องมีพื้นฐานและความเข้าใจจากสิ่งเหล่านี้ก่อน) เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ จะคำนวณ PIP กับ Lot โดย “จดจำ” PIP value ของแต่ละสินค้า ซึ่งทำให้สามารถคำนวณกำไรขาดทุนออกมาล่วงหน้าได้ทันที

PIP ในตลาด Forex

PIP ย่อมาจาก “Point in Percentage” คือหน่วยย่อยที่สุดของการเปลี่ยนแปลงของราคา หรือกล่าวได้ว่า “ส่วนต่างของราคามีหน่วยเป็น PIP” นั่นเอง ซึ่งจำนวน PIP จะถูกนำไปคำนวณควบคู่กับ Lot โดยสำหรับสกุลเงินทั่วไป หน่วยย่อยเล็กที่สุด “จะเริ่มนับ” ที่ “ทศนิยมหลักที่ 4” เช่น

  • EURUSD = 1.1517 | ทศนิยมหลักที่ 4 คือ “7”
  • หากราคาเปลี่ยนแปลงไปเป็น 1.1519 | แปลว่า เพิ่มขึ้น 2 PIPs (1.1519 – 1.1517)
  • หากเปลี่ยนไป 1.1539 = เพิ่มขึ้น 22 PIPs

PIP Value

PIP Value หมายความว่า แต่ละ PIP หากคิดออกมาเป็นเงินจะมีมูลค่าเท่าไร? ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสินค้า โปรดศึกษาเพิ่มเติมในบทความ PIP คืออะไร? โดยเฉพาะ ในบทความนี้จะให้ทราบเป็นพื้นฐานดังต่อไปนี้

  • สกุลเงินที่ลงท้ายด้วย USD เช่น EURUSD, GBPUSD, NZDUSD, GOLD/USD จะมี PIP Value/Lot เท่ากับ 10$
  • USDJPY = 7.3x USD

วิธีการคำนวณกำไรขาดทุนคือ 1. คู่เงินนั้นมี PIP Value เท่าไร 2. เคลื่อนไหวไปกี่ PIPs 3. ซื้อขายกี่ Lot

วิธีการคำนวณกำไรของ Forex

ซึ่งจากภาพข้างต้นเป็นคู่เงิน USDJPY ในระยะเวลาเพียง 10 วัน ราคาเครื่อนจากโซนล่างประมาณ 130.50 ไปถึง 135.50 ซึ่งเท่ากับคิดเป็น 500 PIPs และ PIP value ของ USDJPY/Lot อยู่ที่ประมาณ 7.3x USD ดังนั้น หากเราซื้อ USDJPY ที่ราคา 130.50 จำนวน 1 Lot แล้วไปขายที่ 135.50 เราจะได้กำไรทั้งสิ้น 7.3 x 500 = 3,650 USD

เปรียบเทียบการลงทุน Forex กับ “หุ้น”

Forex กับ หุ้น อะไรดีกว่ากัน? ในบรรดาสินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมด “พันธบัตร” สำหรับนักลงทุนทั่วไปถือว่าปลอดภัยที่สุด แต่หากพูดถึงกลุ่ม “สินทรัพย์เสี่ยง” ต่าง ๆ จะมีการยอมรับกันว่า “หุ้น” เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสชนะและร่ำรวยจากมันได้มากที่สุด เพราะราคาหุ้นมักเติบโตสะท้อนจากผลประกอบการของบริษัทนั้น ๆ ในระยะยาว

มีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากสามารถสร้างชีวิตจากการ “เกาะ” ไปกับบริษัทที่แข็งแกร่ง และนั่นทำให้ “หุ้น” ถูกนำไปเปรียบเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงทุกชนิด เพราะถ้าอะไรที่ดู “ไม่เข้าท่า” หรือมีความเสี่ยงเกินกว่ารายย่อยจะรับได้ เช่น Private Equity, Venture Capital เป็นต้น การลงทุนในหุ้นก็ดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

Forex คืออัตราแลกเปลี่ยน “ไม่ใช่สินทรัพย์”

ราคาหุ้นสามารถเติบโตแบบทวีคูณได้ แต่ Forex ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะ Forex คืออัตราแลกเปลี่ยน เป็นราคาของสกุลเงินหนึ่ง ๆ เมื่อถูกคิดไปเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง มูลค่าของสกุลเงินถูกคำนวณออกมาในเชิงเปรียบเทียบและสะท้อนจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ซึ่งธรรมชาติของเศรษฐกิจไม่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่เป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป นั้นทำให้สกุลเงินก็มีกรอบการเคลื่อนไหวที่จำกัดเช่นกัน!

แม้ว่า Forex จะสามารถเคลื่อนไหวได้ราว 0.5% – 1% ต่อวัน แต่เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายปีแล้ว คู่เงิน Forex จะเคลื่อนไหวราว 10 – 20% เท่านั้น หรือหากเป็นกรณีที่เป็นคู่เงินที่มีความผันผวนเป็นพิเศษ เช่น GBPJPY กรอบการเคลื่อนไหวในรายปีก็จำกัดเพียงราว ๆ 30% เท่านั้น ในขณะที่หุ้นคุณภาพดีอาจสามารถเติบโตได้เป็น 100% – 1,000% ภายใน 1 ปี

วัตถุประสงค์ของ Forex ต่างจากหุ้น

วัตถุประสงค์ของการเทรด Forex คือ การเก็งกำไรที่อาศัยประโยชน์จากความผันผวนในระยะสั้น เพราะแม้มูลค่าของสกุลเงินจะไม่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว แต่มันกลับมีความผันผวนในระยะสั้นมากกว่าตลาดหุ้นมาก และมีรอบการเคลื่อนไหวที่ถี่กว่า อีกทั้งหากนักลงทุนสามารถใช้ Leverage ได้อย่างเหมาะสม Forex ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างกำไรในระยะสั้นได้ดีกว่าตลาดหุ้น!

การเทรด Forex จึงเหมาะกับการเทรดแบบ Day Trading หรือ Swing Trading ที่เน้นสร้างกำไรหลาย ๆ รอบ ต้องการรายได้เป็นกำไรจากการถือครองออเดอร์ในระยะสั้น ๆ


▶ เทรด Forex กับโบรกเกอร์ AximTrade

มีคุณจำนวนมากที่สามารถเทรด Forex จนสร้างรายได้และยึดเป็นอาชีพหลักได้ แต่เราแนะนำให้คุณอาจศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเลือกโบรกเกอร์ก่อน เมื่อมั่นใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะได้มีบัญชี Forex ไว้ในครอบครอง โดยเริ่มต้นอยากให้ใช้งาน Demo Account หรือ “บัญชีทดลอง” ก่อน เพราะจะเป็นระบบที่ทำให้คุณคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้ MT4 ซึ่งมันจะทำให้คุณคุ้นเคยกับวิธีการคำนวณ, หน้าต่างการซื้อขาย ฯลฯ ก่อนที่คุณจะลงสนามจริง ๆ ใช้งานบัญชีทดลองได้ฟรี ๆ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!

aximtrade broker