ในตลาดการเงินต้องประสบเจอกับความผันผวนมาตลอดหลายร้อยปี คุณรู้หรือไม่ว่าเทรดเดอร์มืออาชีพจัดการกับความผันผวนนั้นได้อย่างไร แล้วทำอย่างไรถึงจะค้นหาสัญญาณการเทรดที่แม่นยำได้ เทคนิคที่หลายคนนำมาเลือกใช้คือ “การกำหนดค่าความเบี่ยงเบน” และเครื่องมือที่ทำให้การกำหนดค่าดังกล่าวเป็นเรื่องง่ายนั่นก็คือ Moving Average Envelope
สารบัญ
Moving Average Envelope คืออะไร?
Moving Average Envelope คือ อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่เน้นในการระบุจุดอิ่มตัวระหว่างกรอบล่างและกรอบบนของเส้นค่าเฉลี่ย กรอบของ Envelope โดยหลักสามารถบ่งชี้ถึงการกลับตัวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงสามารถใช้เป็นเขตในการกำหนดว่าราคาได้ทำการ Breakout ไปแล้วหรือไม่ เส้น Envelope ถือว่ามีนัยยะสำคัญและใช้แทนแนวรับแนวต้านในระยะสั้นได้
การกำหนดโซนกลับตัวคร่าว ๆ ของ Moving Average Envelope มีลักษณะคล้ายกับการใช้เครื่องมือที่บอก Overbought และ Oversold นั่นเอง อย่างไรก็ตาม แล้วคิดในการออกแบบมันถูกพัฒนาบนพื้นฐานของกลยุทธ์การเทรดแบบตามเทรนด์ (Trend Following)

ยกตัวอย่างคู่เงิน Forex เมื่อราคาทะลุกรอบเส้นบน มันสามารถบ่งชี้ว่าคู่สกุลเงินกำลังถูกซื้อมากเกินไปและอาจมีโอกาสปรับตัวลง ในทางกลับกัน เมื่อราคาทะลุเส้นล่าง มันสามารถบ่งบอกว่าคู่สกุลเงินกำลังขายมากเกินไปและอาจมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นมา
Moving Average Envelope ได้รับการพัฒนาโดย George Lane ในปี 1950 โดย Lane เป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคและเป็นเทรดเดอร์ที่เชื่อมั่นในแนวคิด Trend Following อย่างมาก เขาเข้าใจปัญหาของนักเทรดแบบตามแนวโน้มเป็นอย่างดี นั่นก็คือเรื่อง “ความผันผวนของตลาด” Moving Average Envelope จึงถูกพัฒนามาเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ Moving Average Envelope ก็มันเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่เขาพัฒนาขึ้นมาเท่านั้น
สรุปแนวทางการใช้ Moving Average Envelopes ได้แก่ 1. การระบุการกลับตัวของแนวโน้ม: เราสามารถใช้ Moving Average Envelopes ในการระบุการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการระบุว่าเมื่อใดที่ราคาของคู่สกุลเงินจะทะลุออกนอกกรอบ 2. การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit: กรอบของ Envelopes มีประโยชน์ทั้งในการทำตัวเองเป็นแนวรับแนวต้าน และเทรดเดอร์ก็ใช้แนวต่าง ๆ เหล่านั้นในการกำหนดจุดตั้งค่าต่าง ๆ 3. การระบุเงื่อนไขการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป: เทรดเดอร์สามารถประยุกต์ใช้ Envelops ในการหา OB/OS ได้ โดยกำหนดระยะห่างระหว่างราคาและกรอบของ Envelopes ว่าห่างออกจากกันมากน้อยเพียงใด 4. การยืนยันสัญญาณทางเทคนิคอื่น ๆ: เราสามารถ Envelopes ใช้ในการยืนยันสัญญาณอื่น ๆ หรืออาจจะใช้ Envelopes เป็นตัวหาแนวโน้มหลัก และใช้เครื่องมืออื่น ๆ ในการจับจังหวะซื้อขายก็ได้เช่นกัน 5. ใช้งานง่าย: Envelopes เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย ซึ่งสามารถรวมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายใด ๆ ได้อย่างง่ายดาย สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า เราควรใช้ตัวบ่งชี้ Envelopes ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น หรืออย่างน้อยก็ควรใช้ไทม์เฟรมที่หลากหลาย
หลักการคำนวณของ Moving Average Envelopes
พื้นฐานของ Moving Average Envelope มาจากเส้นค่าเฉลี่ยธรรมดา โดยปกติจะตั้งค่าไว้เป็น Simple Moving Average แต่ส่วนที่เพิ่มเข้ามานั้นจะเป็นเส้นกรอบบนและกรอบล่าง เราจะมาทำความเข้าใจกับเส้นกรอบบน-ล่างดังกล่าว
เส้นกรอบบน หรือ “Upper Envelope”
Upper Envelope = SMA + (SMA x Percentage)
เส้นกรอบล่าง หรือ “Lower Envelope”
Lower Envelope = SMA - (SMA x Percentage)
Percentage คือเปอร์เซ็นต์ความเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คุณต้องการให้เส้น Envelope ขยับออกไป
ตัวอย่างการคำนวณ Moving Average Envelopes ในตลาด Forex
สมมุติว่าเรากำลังเลือกเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD และคุณต้องการใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน โดยมีค่าเบี่ยงเบน 3%
- ขั้นแรก เมื่อกำหนดเส้นค่าเฉลี่ย (SMA) 20 วันของคู่สกุลเงิน EUR/USD ตัวอย่างเช่น สมมติว่า SMA ณ ช่วงเวลานั้น คือ 1.2000
- ต่อไปก็คือการเพิ่มเปอร์เซ็นต์เบี่ยงเบนจากค่า SMA ก็จะได้ 1.2000 + (1.2000 x 3%) = 1.2000 + 0.036 = 1.2360
- ส่วน Envelope อีกด้าน (Lower Envelope) ก็ลบออกจากค่า SMA จะได้ 1.2000 – (1.2000 x 3%) = 1.2000 – 0.036 = 1.1640
ดังนั้น Upper Envelope จะอยู่ที่ 1.2360 และ Lower Envelope จะอยู่ที่ 1.1640
เทรดเดอร์ที่ใช้ Moving Average Envelope จะมีวิธีการประเมินสัญญาณเทรดแบบเดียวกันกับ Bollinger Bands โดยจะดูว่า เมื่อราคาปะทะ Upper-Lower Envelope มีสัญญาณการกลับตัวที่กราฟแท่งเทียนหรือไม่
การใช้ Moving Average Envelope ในการเทรด
Moving Average Envelope มีพื้นฐานจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ดังนั้นจึงมีหลักการพิจารณาคล้ายกับการใช้อินดิเคเตอร์ในกลุ่ม Trend โดยพื้นฐานให้พิจารณาดังนี้
- หากราคาสินทรัพย์หรือหุ้น เคลื่อนไหวอยู่เหนือ Upper Envelope หรือกรอบบน ก็ถือว่าเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นให้แข็งแกร่ง
- ในทางตรงกันข้าม หากราคาเคลื่อนไหวอยู่ใต้ Lower Envelope ก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะถือว่าเป็นแนวโน้มขาลง
- แต่ให้สังเกตว่าหากราคาพันวกไปวนมาระหว่าง Upper Envelope และ Lower Envelope กรณีแบบนี้แน่นอนว่าคือ “ไซด์เวย์”
Upper Envelope และ Lower Envelope ใช้เป็นตัวกำหนดโซนเพื่อพิจารณาว่า ราคาได้ Breakout เพื่อเปลี่ยนทิศทางไปสู่แนวโน้มใหม่หรือไม่ แต่ในกรณีนี้ให้ระมัดระวังการใช้ Envelope ในไทม์เฟรมที่เล็กมาก เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะใช้ Envelop เพื่อดู Breakout สำหรับทำเฟรมรายวัน หรืออย่างน้อยก็ 4 ชั่วโมงขึ้นไป
การพิจารณาสัญญาณเทรดจาก Moving Average Envelope
หลักการเทรดของ Moving Average Envelope ไม่มีหลักการตายตัว แต่พื้นฐานจะเป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างราคากับ Envelope
สัญญาณ Buy
- หากราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่า Lower Envelope อาจถือเป็นสัญญาณ Buy เนื่องจากบ่งชี้ว่าหลักทรัพย์ถูกขายมากเกินไป (Oversold) และมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้น
- หากราคาข้ามเหนือ Lower Envelope จากที่เคยวิ่งใต้เส้นมาตลอด ก็อาจถือเป็นสัญญาณ Buy ได้เช่นกัน เนื่องจากบ่งชี้ว่าราคาเริ่มดีดกลับ
สัญญาณ Sell
- หากราคาเคลื่อนไหวเหนือกว่า Upper Envelope อาจถือเป็นสัญญาณ Sell เนื่องจากบ่งชี้ว่าหลักทรัพย์อาจมีภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought ) และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง
- หากราคาทะลุ Upper Envelope ลงมา จากที่เคยวิ่งเหนือเส้นมาตลอด ก็อาจถือเป็นสัญญาณ Sell ได้เช่นกัน เพราะแสดงให้เห็นถึงการอ่อนแรงของราคา
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าสัญญาณเหล่านี้ไม่แม่นยำเสมอไป และอาจมีสัญญาณผิดพลาด โดยเฉพาะในตลาดไซด์เวย์ เทรดเดอร์อาจใช้เครื่องมืออื่น ๆ เข้ามาช่วย เช่น ตัวบ่งชี้ปริมาณและโมเมนตัม เพื่อยืนยันสัญญาณเหล่านี้ นอกจากนี้ยังเป็นฉัน
ระบุโซน Overbought กับ Oversold
เมื่อตลาดซื้อขายกันเป็นกรอบ (Range) และความชันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนจะเป็นแบบ “FLAT” ในกรณีนี้เราสามารถใช้ Moving Average Envelope วิเคราะห์ระดับ Overbought กับ Oversold ได้
Overbought
เมื่อราคาเคลื่อนไหวเหนือกรอบด้านบน อาจถือเป็นระดับการซื้อมากเกินไป และมีแนวโน้มที่จะลดลง
Oversold
เมื่อราคาเคลื่อนตัวต่ำกว่ากรอบล่าง อาจถือเป็นระดับการขายมากเกินไป และมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้น
สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก คือ บางครั้งเปอร์เซ็นต์ความเบี่ยงเบนที่ใช้ในการสร้าง Upper Envelope และ Lower Envelope จะส่งผลต่อมุมมองในการวิเคราะห์ OB, OS ด้วย ค่าเบี่ยงเบนที่ต่ำก็จะให้กรอบ Envelope ที่แคบ ในขณะที่ค่าเบี่ยงเบนสูง ๆ ก็จะสร้างกรอบที่กว้างและให้สัญญาณช้ากว่า
การใช้ Moving Average Envelope ใน MetaTrader
Envelopes เป็นหนึ่งในเครื่องมือมาตรฐานที่มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5)
การใช้ Moving Average Envelope ใน MetaTrader
- เปิดแพลตฟอร์ม MetaTrader และเปิดกราฟราคาสำหรับตลาดที่คุณต้องการวิเคราะห์
- คลิกที่เมนู “Insert” ที่ด้านบนของหน้าจอ และเลือก “Indicators”
- เลื่อนลงไปที่หมวดหมู่ “Trend” แล้วเลือก “Envelope”
- หน้าต่างใหม่จะปรากฏขึ้นพร้อมตัวเลือกต่า งๆ สำหรับการกำหนดค่า Indicator ของคุณ คุณสามารถตั้งค่าประเภทของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ระยะเวลา (Period) และเปอร์เซ็นต์การเบี่ยงเบนสำหรับ Upper Envelope และ Lower Envelope
- เมื่อคุณตั้งค่าตัวเลือกแล้ว ให้คลิก “OK” เพื่อปรับใช้กับราคานั้น ๆ
แพลตฟอร์ม MetaTrader 4 แม้จะมีรุ่นออกมาใหม่แล้ว แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ MT4 มันคือแพลตฟอร์มการเทรด Forex & ตราสาร CFD ในระดับสากลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ด้วยความเสถียร และเครื่องมือที่มีให้เลือกใช้มากมาย หน้าตาโปรแกรมที่ใช้งานง่าย ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ง่ายสำหรับมือใหม่ แล้วฟิวเจอร์ขั้นสูงต่าง ๆ ก็ทำให้มืออาชีพยังคงเลือกใช้ MT4 อยู่ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการใช้งาน MT4 สำหรับการเทรด Forex
การใช้ Moving Average Envelope คู่กับเครื่องมืออื่น ๆ
Moving Average Envelope ไม่ใช่เครื่องมือที่สมบูรณ์แบบในตัวมันเอง จึงมีการประยุกต์ใช้กับเครื่องมืออื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมในตลาด
- Moving Average: ข้อแรกนี้อาจจะฉงนอยู่บ้าง การสรุปแบบสั้น ๆ คือ เทรดเดอร์จะนำ Moving Average ใน Period อื่น ๆ มาใช้ เพื่อช่วยยืนยันทิศทางในภาพใหญ่
- Stochastic Oscillator: นี่ถือเป็นหนึ่งในคอมโบที่นิยมมากที่สุด เทรดเดอร์จะใช้ Moving Average Envelope ในการกำหนดทิศทางในภาพใหญ่ และใช้ Stochastic Oscillator เพื่อจับจังหวะการซื้อขายในระยะสั้น
- Relative Strength Index (RSI): ถ้าพูดถึงในด้านการหาจุด OB/OS ต้องยอมรับว่า RSI มีความโดดเด่นกว่ามาก ดังนั้น เทรดเดอร์อาจเลือกใช้ RSI เป็นตัวกำหนดทิศทางในภาพใหญ่ และใช้ Upper Envelope และ Lower Envelope สำหรับการจับจังหวะตลาด
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume): เรายังถือว่า Moving Average Envelope เป็นสัญญาณ Lagging อยู่ ดังนั้น เทรดเดอร์อาจใช้ Volume มายืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- MACD: ในจุดนี้อาจจะใช้ MACD เป็นตัวยืนยันสัญญาณในการกลับตัวได้ โดยใช้ Moving Average Envelope ในการหา OB/OS และใช้ MACD เป็นตัวกำหนดจังหวะซื้อขาย
- Bollinger Bands: ในมุมหนึ่ง เทรดเดอร์อาจใช้ Bollinger Bands ในลักษณะคล้าย ๆ กับการใช้ MACD ข้างต้น แต่จะเป็นการนกรอบของ BAND เป็นตัวกำหนดกรอบ ว่าราคาใกล้จะถึงโซนกลับตัวแล้ว
สิ่งสำคัญในเรื่องนี้คือเราต้องเข้าใจว่าจุดประสงค์ของแต่ละเครื่องมือคืออะไร เพราะจริง ๆ แล้ว ในหลาย ๆ เครื่องมือก็มีแนวคิดการพัฒนาแบบเดียวกันกับ Moving Average Envelope เทรดเดอร์จึงต้องมาออกแบบเองว่า จะวางให้เครื่องมือไหนใช้เป็นตัวบอกสัญญาณหรือจะใช้เป็นตัวบอกแนวโน้ม
กลยุทธ์การใช้ Moving Average Envelopes

ในตัวอย่างนี้จะแนะนำกลยุทธ์พื้นฐานที่สามารถใช้ร่วมกับ Moving Average Envelope ได้
1. Trend Following
การเทรดตามเทรนด์ เป็นพื้นฐานของการเทรดหุ้นหรือ Forex มาโดยตลอด และเครื่องมือ Moving Average Envelope ก็อยู่บนแนวโน้มของการวิเคราะห์ด้วยหลักการนั้น สัญญาณการเทรดเกิดขึ้นจากการที่ราคาเกาะและยืนบนเส้นแนว Envelope ต่าง ๆ หรือในทางกลับกัน ราคาเครื่อนต่ำกว่า Envelope ลงไปเรื่อย ๆ
ตัวอย่างเช่น หากราคาสินทรัพย์ยังคงอยู่ระหว่าง Upper Envelope และเส้นกลางของ Envelope ก็ถือว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และจังหวะการเทรดจะเป็นการรอราคา ย่อลงมาบริเวณพื้นที่ของระหว่างเส้นดังกล่าว
2. กลยุทธ์ Divergence
เป็นหนึ่งในเทคนิคสำหรับนักเทรดแบบ Trend Following การใช้ Divergence เป็นการหาความสัมพันธ์ของสิ่งสองสิ่งที่เคยเหมือนกัน แต่อยู่มาวันหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น ช่วงเวลาที่ราคาวิ่งตาม Indicator มาโดยตลอด แต่วันนึงราคากับเครื่องมือชี้วัดนั้น ๆ มีความแตกต่าง แบบนี้ก็เรียกว่า Divergence
และการใช้ Moving Average Envelope เพื่อดู Divergence ยกตัวอย่างในตลาดขาขึ้น ที่ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ อยู่ แต่ Upper Envelope ปรับตัวลงแล้ว นี่ก็สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อตกลงแม้ราคาจะเพิ่มสูงขึ้น ก็เป็นสัญญาณว่าราคาอาจจะกลับตัวลงในเร็ว ๆ นี้
3. กลยุทธ์ Overbought/Oversold
กลยุทธ์การหา OB/OS โดยหลักการจะเป็นการพิจารณาความสัมพันธ์ขอราคาที่เคลื่อนผ่านกรอบ Envelope อ่านราคามีการเคลื่อนทะลุ Upper Envelope ไปมาก ๆ ก็มีแนวโน้มที่ตลาดจะเป็นลักษณะ Overbought นั่นเอง และในทางกลับกันหากราคาอยู่ต่ำกว่า Lower Envelope ราคาก็จะมีลักษณะเป็น Oversold โดยเทรดเดอร์จะใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น RSI ในการกำหนดจังหวะในการหาจุดกลับตัวอีกครั้งหนึ่งในการยืนยันสัญญาที่ชัดเจนมากขึ้นก็ได้
4. Breakout
เมื่อราคาทะลุเหนือเส้น Upper Envelope หรือทะลุเส้น Lower Envelope ลงมา ก็ถือว่าตลาดได้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนทิศทางใหม่ อย่างไรก็ตามเราต้องตระหนักว่า พื้นฐานของ Moving Average Envelope มาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เท่านั้น ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นตัวกำหนดโซนหรือพื้นที่สำหรับการหาจุดที่ราคาจะ Breakout โดยตรง
5. Mean Reversion
อย่างที่อธิบายไปหลายครั้งแล้วว่า Moving Average Envelope มีพื้นฐานจากเส้นค่าเฉลี่ยนั่นเอง และพื้นฐานแนวคิดการเทรดด้วยเส้นค่าเฉลี่ยหลักการหนึ่งคือเรื่อง Mean Reversion ซึ่งเชื่อว่าราคาที่วิ่งออกจากเส้นค่าเฉลี่ยไปเรื่อย ๆ นั้น สุดท้ายราคาจะวิ่งกลับเข้าสู่ศูนย์กลางเสมอ
เราสามารถใช้ระยะห่างระหว่างราคากับเส้น Moving Average Envelope ได้ โดยอาจกำหนดเป็นระยะหรือเปอร์เซ็นต์ เช่น กำหนดว่าที่ระยะประมาณ 100 PIPS จากเส้น Envelope ราคาจะเริ่มกลับตัว เป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยในตลาด Forex
ข้อจำกัดของการใช้ Moving Average Envelope
Moving Average Envelope มีข้อจำกัดที่มาจากพื้นฐานการใช้ Moving Average ดังที่จะได้อธิบายต่อไปนี้
- สัญญาณที่ล่าช้า: Envelopes อิงตามค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ช้า (Lag) ซึ่งหมายความว่า สัญญาณจะช้ากว่าราคาจริง
- สัญญาณหลอก: Envelopes จะสร้างสัญญาณหลอกบ่อยครั้งเมื่ออยู่ในช่วงตลาดไซด์เวย์ ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปของการใช้เส้นค่าเฉลี่ย
- ความผันผวน: ต้องเลือกใช้ในสภาวะตลาดที่เจาะจงเท่านั้น ซึ่งในตลาดปัจจุบันมีความผันผวนสูง อาจเลือกใช้กับตลาดหุ้นหรือตลาดที่มีความผันผวนพอเหมาะ
- การพึ่งพาเปอร์เซ็นต์การเบี่ยงเบน: Envelopes ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์การเบี่ยงเบนที่กำหนดโดยเทรดเดอร์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำของสัญญาณ สิ่งสำคัญคือทางเฟรมที่เลือกใช้และการทดสอบตลาดย้อนหลัง
- ไม่เหมาะกับการหาจุดกลับตัว: กรณีนี้หมายถึงการพยายามหาจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของรอบใหญ่ ๆ ซึ่งเครื่องมือประเภท Oscillator จะทำงานได้ดีกว่า
- การเปลี่ยนแนวโน้ม: Envelopes อาจไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะสมนัก สำหรับการหาจุดที่จะเกิดการเปลี่ยนแนวโน้ม แม้จะสามารถประยุกต์การพิจารณา Breakout ได้ก็ตาม
แม้จะมีพื้นฐานจากเส้นค่าเฉลี่ย แต่ Moving Average Envelope มีหลักการในการประเมินตลาดที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือเทรดเดอร์ต้องเข้าไปทดสอบตลาดด้วยตัวเอง ฝึกฝนผ่านบัญชีทดลองอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและความสูญเสียโดยไม่จำเป็น สำหรับท่านที่ต้องการเริ่มต้นเปิดบัญชีหรือเริ่มต้นฝึกฝนการเทรด คลิกที่ปุ่มด้านล่าง!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Moving Average Envelope
Moving Average Envelope คืออะไร?
Moving Average Envelope คือ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคประเภทหนึ่งที่ใช้เพื่อระบุสภาวะการซื้อมากเกินไป (OB) และการขายมากเกินไป (OS) ที่อาจเกิดขึ้นในตลาด รวมทั้งยืนยันทิศทางของแนวโน้ม พื้นฐานของ Moving Average Envelope เชื่อว่าราคาจะกลับเข้ามาสู่ค่าเฉลี่ยเสมอ
การอ่าน Moving Average Envelope
Moving Average Envelope สามารถประเมินข้อมูลตลาดให้หลากหลาย โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างราคากับเส้น Upper Envelope และ Lower Envelope ความห่างของราคากับเส้น สะท้อนถึงความผันผวน และสามารถยืนยันความแข็งแกร่งของราคาได้ หากราคายืนบน Envelope และดีดตัวออกแรง ๆ ย่อมแสดงว่าแนวโน้มยังแข็งแกร่งอยู่
การใช้ Moving Average Envelope ในตลาด Forex
Envelopes นิยมใช้ระบุภาวะ OB/OS ไปตลาด Forex โดยใช้หลักการของส่วนเบี่ยงเบนค่าเฉลี่ยคล้ายกับ Bollinger Bands
การคำนวณ Moving Average Envelope
ในการคำนวณ Moving Average Envelope จะใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นฐาน และกำหนดเปอร์เซ็นต์ส่วนเบี่ยงเบน จากนั้นบวกและลบเปอร์เซ็นต์ส่วนเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อสร้างเส้น Upper Envelope และ Lower Envelope จากนั้นเทรดเดอร์ต้องพิจารณาว่าค่าดังกล่าว เมื่อสร้างเป็นเส้นออกมาแล้วสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาหรือไม่
ควรใช้ค่าการเบี่ยงเบนเท่าไหร่?
โดยพื้นฐานจะตั้งค่าไว้ที่ 2% ซึ่งมักเป็นจังหวะที่ตลาดเกิดการหมดแรงได้ระยะสั้น แต่ได้จำนวนมากจึงมองว่าค่านี้เป็นค่าที่เหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามคุณต้องทดสอบด้วยตัวเองก่อนเสมอ