การวิเคราะห์กราฟราคาสำหรับการเทรดในตลาด Forex, CFD หรือตราสารทางการเงินประเภทต่าง ๆ จะนิยมใช้หลักการของ Price Action ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายในระยะสั้นหรือระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดที่ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจ เช่น Forex, Future เพราะมันคือการทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาจากกราฟแท่งเทียนโดยตรง
สารบัญ
Price Action คืออะไร?
Price Action คือหลักการวิเคราะห์และสำรวจการเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟหรือแผนภูมิ โดยไม่ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicator) หรือเครื่องมืออื่น ๆ มีเพียงการลากเส้น (Trendline) และการใช้แนวรับ-แนวต้านเพื่อบันทึกจุดสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น หรืออย่างมากที่สุดก็อาจใช้เพียงเส้น Moving Average ในการช่วยประเมินภาพรวม โดยสิ่งสำคัญคือรูปแบบของกราฟราคาที่เกิดขึ้น
Price Action เกิดจากการเก็บรวมข้อมูลที่เคยเกิดขึ้นในตลาด ทั้งนี้ นักเทรดจะสามารถเข้าใจถึงสถานการณ์และระดับของ Demand & Supply ในตลาดได้ ซึ่งจะนำไปสู่กลยุทธ์การซื้อขายที่สอดคล้องกับสภาวะราคานั้น ๆ
แนวคิดของ Price Action
นักเทรด Price Action จะศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาของหลักทรัพย์ในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อค้นหารูปแบบ, ระบุแนวโน้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงระดับ Demand & Supply
วัตถุประสงค์หลักของการวิเคราะห์ราคาด้วย Price Action คือการเข้าใจระดับ Demand & Supply ซึ่งทำให้ประเมินได้ว่า ควรเลือกเทรดฝั่งไหน? |
Price Action สามารถใช้ควบคู่กับเส้น Trendline, Moving Average และแนวรับ-แนวต้าน แต่ทั้งหมดนี้จะเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกราฟแท่งเทียนในแต่ละแท่งก่อน

ภาพด้านบนคือกราฟแท่งเทียน ซึ่งแสดงข้อมูลที่สำคัญในการทำความเข้าใจตลาด
- ปลายไส้ด้านบนของเทียนแสดงถึงระดับราคาสูงสุดที่ราคาได้เคลื่อนที่ไป
- ปลายไส้ด้านล่างของเทียนแสดงถึงระดับราคาต่ำสุดที่ราคาได้กดต่ำลงมา
ภายในแท่งเทียนคือส่วนที่แสดงราคาเปิดและปิด ระยะห่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด จะทำให้ขนาดของกราฟแท่งเทียนมีความสูงมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงปริมาณการซื้อขายที่มีความผันผวน เมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ก็เรียกว่าเป็นแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish) แต่ถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด ก็เป็นแท่งเทียนขาลง (Bearish)
และตามหลักการของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) คือ แนวโน้มจะยังคงมีอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้น หากเกิดแท่งเทียนขาขึ้นในไทม์เฟรมรายวันในจุดที่สำคัญ ก็มักถือว่าเป็นสัญญาณให้เข้าซื้อสำหรับวันถัดมา
ไทม์เฟรม | กลยุทธ์ |
5 – 60 นาที (M5 – H1) | Day Trade (เทรดภายในวัน, ชั่วโมงถัดมา) |
4 ชั่วโมง (H4) | Swing Trader หรืออาจเทรดภายในวันได้ |
กราฟรายวัน (D1) | เทรดวันถัดมา, นักเทรดภายในสัปดาห์ |
Price Action และ Market Noise
“Market Noise” เป็นคำอธิบายถึงสภาวะความผันผวนที่ราคาสวิงกลับไปกลับมาในระยะสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มในภาพใหญ่ ในกราฟแนวโน้มขาขึ้น Market Noise อาจเป็นช่วงที่ราคามีการปรับตัวลงมาบ้าง ซึ่งยังไม่ใช่การเปลี่ยนแนวโน้ม และ Market Noise ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับการเข้าเทรดได้ ซึ่งนักเทรด Price Action จะรอจังหวะการกลับตัวของแท่งเทียน

ให้ลองสังเกตว่า หากราคาฝึกพิจารณาจุดสูงสุดและต่ำสุด (Swing High, Swing Low) ในแต่ละการเคลื่อนไหว นอกจากเราจะเริ่มเห็นภาพรวมของแนวโน้มแล้ว เราจะค่อย ๆ สังเกตเห็นได้ว่า รูปแบบ Price Action กลับตัว มักมีลักษณะคล้าย ๆ กันในจุด Swing High, Low ของแต่ละสวิง

รูปแบบ Price Action ที่สำคัญ
รูปแบบ Action ที่เกิดขึ้นบ่อยในจุดพักตัวของราคาต่าง ๆ หรือเกิดขึ้นใน Market Noise
1. Engulfing Reversal
ถือเป็นพื้นฐาน Price Action ที่สำคัญ โดย Engulfing จะเป็นแท่งเทียนที่กลับตัวสวนขึ้นมาจากแนวโน้มย่อย ๆ เหล่านั้น และจะเป็นแท่งเทียนที่มีความยาวพอสมควรหรืออย่างน้อยก็จะยาวมากกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าที่เป็นแนวโน้มย่อย ๆ
Bullish Engulfing

Bearish Engulfing

การเกิด Engulfing มักถือกันว่า คนที่เชื่อในแนวโน้มระยะสั้นที่เกิดขึ้น ได้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงต่อคลื่นของการกลับตัวในรอบใหม่ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลให้แท่งเทียนกลับตัวมีขนาดใหญ่จนกลบแท่งเทียนก่อนหน้าทั้งหมด
2. Pin Bar
Pin Bar เป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับ Engulfing มันไม่ได้แสดงถึงพลังของแรงซื้อขายที่สวนกลับมาอย่างหนักแน่นเหมือน Engulfing แต่ก็มากพอที่จะทำให้แนวโน้มปัจจุบันเกิดการหยุดชะงัก ราคาไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงการแนวโน้มในอนาคต อย่างไรก็ตาม Pin Bar ให้สัญญาณที่แน่นอนได้น้อยกว่า Engulfing ยังจำเป็นต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป

ลักษณะของ Pin Bar จะมีการเปิดปิดของราคาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ตัวแท่งเทียนมีขนาดสั้น ทั้งนี้ ในส่วนของไส้เทียนจะสะท้อนความผันผวนที่เกิดขึ้น ยิ่งไส้เทียนยาวมากเท่าไร ก็ถือว่ามีปริมาณการซื้อขายในช่วงเวลานั้นมาก และแปลว่า มีเทรดเดอร์ที่พ่ายแพ้จำนวนมากอีกด้วย

ดังนั้น เหมือน Pin Bar มีไส้เทียนที่ยาวมาก เทรดเดอร์จะเชื่อว่า มันแสดงถึงสัญญาณการกลับตัวที่ทรงพลังมากกว่า Pin Bar ขนาดเล็ก
3. Head & Shoulder
แนวคิดพื้นฐานของ Technical Analysis คือการมองว่า “แนวโน้มจะยังมีต่ออยู่เรื่อย ๆ” ดังนั้น การวิเคราะห์กราฟจึงเป็นการวิเคราะห์หาว่า แนวโน้มยังมีอยู่ต่อไหม? หรือเกิดสัญญาณกลับตัวแล้ว และจะสังเกตเห็นว่า Price Action มักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม เพราะเทรดเดอร์อยากรู้ว่า แนวโน้มยังมีอยู่ไหมนั่นเอง!

รูปแบบ Price Action พื้นฐานทั้ง Engulfing และ Pin Bar สามารถประกอบรวมกันเป็น Pattern ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรูปแบบการกลับตัวที่สำคัญอย่าง Head & Shoulder ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบการกลับตัวที่ทรงพลังมาก และหากเราพิจารณาลงลึกไปในรายละเอียด ก็จะเห็นว่า รูปแบบ Price Action ย่อย ๆ ก็มักเป็นส่วนหนึ่งของ Head & Shoulder ด้วยเช่นกัน
เปิดบัญชีเทรด Forex กับ AximTrade
ไม่ว่าคุณจะสนใจเทรดหุ้นต่างประเทศ, คู่เงิน Forex, หรือเทรดทองคำ คุณก็สามารถเทรดผ่าน CFD กับ “โบรกเกอร์ Forex” แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าโบรกเกอร์นั้น ๆ มีประเภทสินค้าที่คุณต้องการเทรดหรือไม่? ซึ่งสำหรับโบรกเกอร์ AximTrade จะมีให้บริการสินทรัพย์ที่ครอบคลุมทุก 7 ประเภทสำคัญทั้งหมด ตั้งแต่สกุลเงิน, หุ้น, น้ำมัน ไปจนถึง Cryptocurrency!
แต่สิ่งสำคัญที่คุณควรตระหนักก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ใด ๆ คือคุณควรได้ทดลองระบบของโบรกเกอร์นั้น ๆ และแพลตฟอร์มที่ให้บริการก่อน คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์มีระบบบัญชีทดลองหรือ Demo Account เพื่อประกอบการตัดสินใจ และเราแนะนำว่าให้คุณใช้บัญชีทดลองในการฝึกฝน รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยสามารถเริ่มต้นได้เพียงจากการ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!