ความกังวลหลักสำหรับพลเมืองโลกในปี 2022 คือเงินเฟ้อที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และไม่แปลกใจเลยที่นักลงทุนและเจ้าของสินทรัพย์ก็มีความกังวลในเรื่องนี้ CNBC รายงานว่า ตัวเลข CPI ญี่ปุ่นแตะจุดสูงสุดในรอบ 40 ปี หรือถ้ามองในสถานการณ์ทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า แนวโน้มนี้ดูเหมือนจะดำเนินต่อไปในปี 2023 ด้วยเช่นกัน
การ Hedge เงินเฟ้อ จึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนหรือผู้จัดการกองทุน ซึ่งจะช่วยให้พอร์ตการลงทุนของเราปลอดภัย แต่คำถามก็คือว่า การ Hedge เงินเฟ้อ คืออะไร และเราจะเริ่มต้นทำมันได้อย่างไร?
สารบัญ
การ Hedge เงินเฟ้อ คืออะไร?
การ Hedge เงินเฟ้อ คือ กลยุทธ์การลงทุนที่พยายามลดความเป็นไปได้ที่จะเกิดการขาดทุน โดยการซื้อสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันในทิศทางตรงกันข้าม โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเทคนิคในการลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคานั่นเอง
ในทางปฏิบัติ การ Hedging ถูกนำไปใช้กับเกือบทุกแห่งในโลกการค้าและการลงทุนในปัจจุบัน บริษัทต่าง ๆ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอ เดย์เทรดเดอร์ และนักลงทุนรายย่อยใช้เทคนิค Hedging เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตราย และไม่ว่าคุณจะเลือกตราสารทางการเงินหรือรูปแบบการซื้อขายประเภทใด คุณจะต้องเจอกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ทำให้มูลค่าของสกุลเงินต่าง ๆ ลดน้อยลง การ Hedging ก็เป็นวิธีการหนึ่งในการป้องกัน
การ Hedging
โปรดทราบว่า อัตราเงินเฟ้อ คือ สิ่งที่จะลดมูลค่าของสินทรัพย์ทางการเงินและผลตอบแทนที่ได้รับ ด้วยเหตุนี้เองที่นักเทรดและนักลงทุนจำเป็นต้องคิดถึงการป้องกันความเสี่ยงจากการเสื่อมค่า นักลงทุนที่ไมค่อยเวลา มีแนวโน้มจะกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับผลกระทบของเงินเฟ้อที่กระทบต่อการลงทุน และมักจะมองหาสินทรัพย์ในระยะยาวเพื่อป้องกันการเสื่อมค่าของผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
การ Hedging มีบทบาทสำคัญในการจัดพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุน
ในความหมายอย่างง่าย ‘การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ’ (Inflation Hedging) หมายถึง การลงทุนที่พยายามปกป้องมูลค่าของสินทรัพย์จากผลกระทบที่เป็นอันตรายจากการเสื่อมค่าของเงิน
จริง ๆ แล้ว การลงทุนส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับ “การรักษามูลค่าที่แท้จริง” ของพอร์ตการลงทุน ซึ่งอาจต้องใช้กลยุทธ์ Hedging เพื่อปกป้องกำลังซื้อที่แท้จริงของเรา เพราะประเด็นสำคัญ คือ กำลังซื้อที่แท้จริงมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา นักลงทุนจึงต้องมองหาสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนเท่าหรือมากกว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นอย่างน้อย และนี่ก็คือวัตถุประสงค์หลักของ Hedging อีกด้วย ทั้งนี้ วิธีการอาจเป็นการเลือกหาสินทรัพย์ที่ใช้แก้เรื่องเงินเฟ้อโดยเฉพาะ หรืออาจกระจายไปหลาย ๆ สินทรัพย์
- แพลตฟอร์ม MT4 เป็นโปรแกรมเทรดที่ใช้งานง่ายทั้งสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนในการดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขาย และจัดการความเสี่ยงของสถานะที่ถือครองอยู่ในตลาด MetaTrader 4 รองรับประเภทของคำสั่งซื้อขายที่หลากหลาย และยังมีฟังก์ชั่นการซื้อขายทันที (One-Click Trading) เพื่อที่จะให้คุณสามารถดำเนินการซื้อขายได้โดยตรง “เพียงคลิกเดียว” ในขณะที่เปิดกราฟดูราคาอยู่
การ Hedging มีความสำคัญอย่างไร?
ตราบใดที่อัตราการเสื่อมค่าของเงินต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยหรือในระดับเดียวกัน มันจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อนักลงทุน ดังนั้น แม้ว่าเงินออมของคุณจะสูญเสียมูลค่าลงจากการเสื่อมค่าของสกุลเงิน แต่คุณก็ได้รับดอกเบี้ยจากการเก็บเงินไว้ในธนาคาร ซึ่งชดเชยกับการสูญเสียได้
แต่เมื่ออัตราการเสื่อมค่าของเงินเริ่มแซงหน้าอัตราดอกเบี้ยซึ่งกำลังเกิดขึ้นจริงในหลายประเทศทั่วโลก ก็จะเกิดปัญหาตามมา เมื่อถึงจุดนี้เงินที่อยู่ในธนาคารเป็นเวลานานเริ่มสูญเสียมูลค่าไปในแต่ละวัน
ยกตัวอย่าง ดอลลาร์สหรัฐ ลองนึกภาพสถานการณ์ที่ US Inflation Rates เกิน 5% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.25% ซึ่งหมายความว่า มูลค่าของเงินที่เก็บไว้ในธนาคารของสหรัฐฯ จะลดลงในอัตรา 4.75% ต่อปี ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้อง Hedging ด้วยสินทรัพย์ต่าง ๆ และอย่างที่เกริ่นไปแล้ว กลุ่มพวกทองคำ, แร่เงิน “มักจะ” ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินสดในช่วงสภาวะเงินเสื่อมค่า

การใช้สกุลเงิน Hedging
Forex คือ หนึ่งในตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก สกุลเงินต่างประเทศและคู่เงิน Forex ต่าง ๆ สามารถทำหน้าที่ในการป้องกันความเสี่ยงจากสภาวะเงินเสื่อมค่าได้ เนื่องจากตลาด Forex และในบางสกุลเงินมีพฤติกรรมพิเศษ และเคลื่อนไหวตรงกันข้ามกับสภาวะถดถอย หรือทำผลงานได้ดีเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี
ตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าลดลงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม ในตลาด Forex นั้นแตกต่างออกไป เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือได้รับแรงกดดันจากการเสื่อมค่าของสกุลเงิน “คู่สกุลเงินที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่านั้นมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น” ในขณะที่คู่สกุลเงินที่อยู่ในเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าก็มีแนวโน้มจะด้อยค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในระบบ
แม้ว่าการลงทุนในตลาด Forex จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนในการป้องกันความเสี่ยงจากการเสื่อมมูลค่าของสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่ โดยเฉพาะสกุลเงิน แต่กุญแจสู่ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับสกุลเงินที่พวกเขาเลือกซื้อขายเป็นส่วนใหญ่ และสำหรับการ Hedging คุณควรลงทุนในสกุลเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักหรือประเทศใหญ่ ๆ เนื่องจากสกุลเงินเหล่านี้จะช่วยรักษามูลค่าในระยะยาวให้กับคุณได้
ทำไมสกุลเงินถึง Hedging ได้?
- แต่ต้องย้ำว่า “เฉพาะบางสกุลเงิน” โดยเป็นสกุลเงินของประเทศที่มีระบบการเมืองที่เชื่อถือได้ (เสถียรภาพสูง)
- ตลาด Forex ตอบสนองในภาวะเศรษฐกิจถดถอยแตกต่างจากสินทรัพย์ประเภทอื่น ทำให้สามารถทำกำไรได้แม้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ตลาด Forex เป็นตลาดสากล ตราบใดที่มีตลาดเปิดที่ไหนสักแห่ง การซื้อขายสามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
- ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก โดยสามารถซื้อและขายสินทรัพย์ได้โดยมีผลกระทบต่อมูลค่าเพียงเล็กน้อย (ปั่นราคาได้ยาก)
- โบรกเกอร์ Forex บางแห่งยังสนับสนุนให้เทรดเดอร์ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปิดสถานะใหม่เพื่อป้องกันความผันผวนของราคาที่ไม่พึงประสงค์
- การเทรด Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งการเปิดสถานะ Long และ Short ไม่จำเป็นต้องถือครองสกุลเงินจริง ๆ (เทรดแบบ Margin ได้)
- ตลาด Forex เปิดให้บริการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น คุณสามารถเข้ามาป้องกันความเสี่ยงง (หรือเก็งกำไร) ได้ตลอดเวลา
- ในแพลตฟอร์มของการเทรด Forex (แพลตฟอร์ม MT4) คุณสามารถซื้อขายคู่สกุลเงินได้หลากหลาย ซึ่งรวมถึง ดัชนี โลหะ พลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม การใช้สกุลเงินเป็น Hedging เรื่องที่ท้าทาย มีข่าวหรือหลายเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลย สิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในตลาด คือ ต้องวางแผนที่จะป้องกันตัวเองจากการประกาศข่าว อาจจะด้วยการกระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณ หรือขยันศึกษาหาสินทรัพญ์ที่จะสามารถเอาชนะตลาดในระยะยาวได้
อะไรทำให้สกุลเงิน Hedging ได้ดี?
สกุลเงินที่เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ คือ สกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ “Safe Haven” ซึ่งหมายถึง การลงทุนที่จะไม่สูญเสียมูลค่าไปกับอัตราเงินเฟ้อหรือเพิ่มมูลค่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจปั่นป่วน
เมื่อพูดถึง Forex สกุลเงินที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการเสื่อมค่าของเงิน ก็จะเป็นสกุลเงินของประเทศที่มีสถานะสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิที่แข็งแกร่ง (NFA:Net Foreign Asset) ซึ่งเป็นมูลค่าของสินทรัพย์ที่ประเทศเป็นเจ้าของในต่างประเทศ ลบด้วยมูลค่าของสินทรัพย์ในประเทศที่เป็นของชาวต่างชาติ ภาระหนี้ของประเทศหนึ่ง ๆ สะท้อนอยู่ในสถานะสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิ
เมื่อตลาดผันผวนและมีความเสี่ยงต่ำ บางประเทศขายสินทรัพย์ต่างประเทศและนำเงินกลับประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าจะยังรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินตัวเองได้ ประเทศเหล่านี้เน้นความเสี่ยงต่ำ และสกุลเงินของประเทศมักแข็งค่าขึ้นในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง ซึ่งมักเรียกว่า “Risk Off” ซึ่งหมายถึง นักลงทุนจะเสี่ยงน้อยลง นักเทรด Forex จะเริ่มสนใจสกุลเงินเหล่านี้ในจังหวะที่เกิด Risk Off
และสกุลเงินที่ปลอดภัยที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 สกุลเงิน ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ คือสกุลเงินต่อไปนี้ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) และพันธบัตรสหรัฐ, เยนญี่ปุ่น (JPY) รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น และสุดท้าย คือ ฟรังก์สวิส (CHF) และพันธบัตรรัฐบาลสวิส
1. US Dollar (ดอลลาร์สหรัฐ) – Global Reserve Currency
เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งและใหญ่ที่สุดในโลก ดอลลาร์สหรัฐ (USD) จึงมักถูกใช้เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย เมื่อเทียบกันแล้ว USD ยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนที่มั่นคงมาเป็นเวลานาน
USD มีบทบาทสำคัญในธุรกรรมทางธุรกิจทั่วโลกหลายรายการ และไม่ได้รับผลกระทบในทางลบจากความไม่แน่นอนภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ เนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวถูกใช้เป็นสกุลเงินสำรองทั่วโลก นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในตลาด Forex ซึ่งทำให้สะดวกสำหรับเทรดเดอร์ที่จะแปลงสินทรัพย์ของตนเป็นสกุลเงินดังกล่าว
2. Swiss Franc (ฟรังก์สวิส)
ฟรังก์สวิส (CHF) เป็นสกุลเงินประจำชาติของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่อัตราการว่างงานต่ำ รัฐบาลที่เป็นกลาง นโยบายที่เป็นมิตรกับภาษี และตลาดทุนต่าง ๆ ก็มีเสถียรภาพสูงมาก อีกทั้งยังผันผวนต่ำมากด้วย ทำให้ฟรังก์สวิสเป็นสกุลเงินที่ต้องการซึ่งสามารถใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ เนื่องจากความเป็นอิสระจากสหภาพยุโรป (EU) สวิตเซอร์แลนด์จึงไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เชิงลบที่เกิดขึ้นในยูโรโซน และยังกลายเป็นแหล่งหลบภาษียอดนิยมสำหรับบุคคลผู้มั่งคั่งอีกด้วย
ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน ฟรังก์สวิสมักเป็นที่ต้องการสูงเนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศ นโยบายต่างประเทศที่เป็นกลาง ประวัติการเสื่อมค่าของเงินที่ต่ำ และระบบธนาคารที่ปลอดภัย
3. Japanese Yen
สกุลเงินที่เป็น Safe Haven ที่สำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้น “เยน” ของญี่ปุ่น มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้เงินเยนเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย ค่าสถิติบอกว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักนำไปสู่การแข็งค่าของสกุลเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) นักลงทุนหลายคนเชื่อว่า เงินเยนของญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง และเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นมีเสถียรภาพและแข็งแกร่ง
รัฐบาลญี่ปุ่น เจ้าของธุรกิจ และนักลงทุนรายย่อย รวมถง ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ “BOJ” มักถือครองสินทรัพย์ในต่างประเทศจำนวนมาก ทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น “เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก” อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจเกิดความสับสนวุ่นวายหรือตื่นตระหนก นักลงทุนชาวญี่ปุ่นจะขายสถานะในต่างประเทศและแปลงกลับเป็นเงินเยน ดังนั้น ราคาของเงินเยนจึงสูงขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
▶ Hedging เงินเฟ้อกับโบรกเกอร์ AximTrade
คุณสามารถเปิดบัญชี Forex กับโบรกเกอร์ AximTrade เพื่อเป็นการ Hedging เงินเฟ้อด้วยสกุลเงินได้ เช่น คุณอาจถือครองสกุลเงิน USD เป็นสกุลเงินหลักของพอร์ต ไปพร้อม ๆ กับการซื้อสกุลเงินเยนญี่ปุ่นด้วย Margin Trading ก็ได้ ทั้งนี้ คุณสามารถเปิดใช้งานบัญชีทดลองเพื่อฝึกฝนก่อนได้เลยที่แบนเนอร์ด้านล่าง!