Aximdaily
GDP คืออะไร

GDP คืออะไร มีส่งผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างไร?

GDP เป็นหนึ่งในคำศัพท์ที่เราคุ้นหูมากที่สุดในหน้า “ข่าวเศรษฐกิจ” รวมถึงนักเรียนเศรษฐศาสตร์ที่จะได้รู้จักคำนี้ตั้งแต่ชั้นปี 1 เพราะมันเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึง “สภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจ” และแน่นอนว่า มันทำให้ตัวเลข GDP มีความสำคัญกับการลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะสาย Global Macro หรือ Fundamental Analysis

GDP คืออะไร?

GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product คือ “ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ” ซึ่งเป็นหน่วยวัดมาตรฐานของมูลค่าของ “สินค้าและบริการขั้นสุดท้าย” ที่ผลิตขึ้นในประเทศนั้น ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ “ขั้นสุดท้าย” หมายถึง เป็นสินค้าที่กำลังจะส่งต่อให้ผู้บริโภคสามารถนำไปใช้งานได้ทันที ไม่ใช่สินค้าในขั้นวัตถุดิบที่ต้องนำไปผลิตสินค้าอื่น ๆ ต่อ

GDP คืออะไร

องค์ประกอบของ GDP

Expenditure หรือ การใช้จ่าย, รายจ่าย คือ ประมาณการจำนวนเงินที่ใช้โดยภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศ คำนวณ GDP ในวิธีนี้ได้จาก

GDP = Consumption + Investment + Government Spending + (Exports – Imports) 

  • GDP = การบริโภค + การลงทุน + การใช้จ่ายของรัฐบาล + (การส่งออก – นำเข้า)
  • หรือย่อสูตรสั้น ๆ ว่า GDP = C + I + G + (X-M)

Consumption หรือ การบริโภคครอบคลุมถึงการบริโภคส่วนตัวและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นจำนวนส่วนใหญ่ของการเติบโตในระบบเศรษฐกิจ ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้นส่งผลให้มีการใช้จ่ายสูงขึ้น ในขณะที่ระดับความเชื่อมั่นที่ลดลงส่งผลให้มีการใช้จ่ายน้อยลง ทั้งนี้ มักสัมพันธ์กับตัวเลขเงินเฟ้อด้วย

Investment คือ การลงทุน ประกอบด้วยการลงทุนในประเทศหรือรายจ่ายฝ่ายทุน (Capital Expenditure) จำนวนเงินที่ธุรกิจใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งมีความสำคัญเนื่องจากเป็นการเพิ่มการจ้างงานและการผลิตในประเทศ

Government spending หรือ การใช้จ่ายของรัฐบาล หมายถึง ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การซื้ออุปกรณ์ และการจ่ายเงินเดือน สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อการลงทุนทางธุรกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง เช่น ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

Net exports คือตัวเลข “การส่งออกสุทธิ” คำนวณโดยการลบการนำเข้าออกจากการส่งออก ผลรวมของค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับธุรกิจในประเทศและต่างประเทศประกอบด้วย การส่งออกสุทธิ หรือที่เรียกว่าดุลการค้าต่างประเทศ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ GDP ของประเทศ เพราะ GDP ของประเทศจะเพิ่มขึ้นตราบเท่าที่มีการส่งออกสินค้าและบริการไปยังต่างประเทศ “มากกว่า” ที่นำเข้า ทำให้ประเทศเกินดุลการค้า

ในทางตรงกันข้าม หากผู้บริโภคในประเทศใช้จ่ายกับสินค้าต่างประเทศมากเกินกว่าที่ผู้ผลิตในประเทศจะขายให้กับผู้บริโภคต่างประเทศได้ ก็เท่ากับว่า “ขาดดุลการค้า” ในกรณีนี้ GDP ของประเทศมีแนวโน้มลดลง

ตัวเลข GDP กับการลงทุน Forex?

แน่นอนว่า ในปัจจุบัน GDP ยังเป็นมาตรที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดหากต้องการวัดการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของผู้คน โอกาสในการมีงานทำ สถานะการลงทุน ซึ่งทั้งหมดนี่จะส่งผลต่อมูลค่าของคู่เงิน Forex ต่าง ๆ ในตลาดอีกด้วย

เมื่อพูดถึงการซื้อขายเงินระหว่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามีบทบาทสำคัญยิ่งต่อทางเลือกของนักลงทุนและจังหวะในการทำธุรกรรม แม้ว่าความสัมพันธ์จะไม่ได้แปรผันตรงตามกันตลอดเวลา ทั้งนี้ GDP มีผลกระทบหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

  • เมื่อ GDP ของประเทศหนึ่งเพิ่มขึ้น มูลค่าสกุลเงินของประเทศนั้นก็สูงขึ้นด้วย (สกุลเงินแข็งค่า) ในทางตรงกันข้าม ถ้า GDP ลดลง ก็มีแนวโน้มจะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง ประเทศต่าง ๆ จึงมีแรงจูงใจค่อนข้างมากในการรักษาวิถีการเติบโตในเชิงบวก
  • บริษัทระหว่างประเทศและนักลงทุนจำนวนมากพิจารณา GDP เมื่อทำการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนส่วนใหญ่นำเงินไปลงทุนในประเทศที่มี GDP เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพราะมันสะท้อนถึงสภาพปัจจัยแวดล้อมของประเทศนั้น ๆ ว่าจะส่งผลดีต่อนักลงทุนหรือไม่
  • ธนาคารกลางของประเทศส่วนใหญ่ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ พิจารณาอัตราการเติบโตของ GDP คือตัวตัดสินว่าควรเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

นักลงทุนควรดูเฉพาะ GDP ของประเทศสำคัญ

หากคุณเทรด Forex ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน คุณต้องเข้าใจว่า ตัวบ่งชี้มีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดอย่างไร เมื่อคุณเชี่ยวชาญกลไกนี้จนสมบูรณ์แบบแล้ว คุณจะสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างทันท่วงที เตรียมกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เผยแพร่ออกมา

ตลาดอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อสกุลเงิน Forex มากที่สุดเมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูล แต่ตัวเลข GDP ของประเทศเกิดใหม่ (เช่น อินเดียและบราซิล) ก็ยังถูกติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่อาจไม่ได้ส่งผลมากนัก เว้นแต่ GDP ของจีน ที่ตอนนี้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ


▶ ลงทุนอะไรดีกับโบรกเกอร์ AximTrade

ในจังหวะที่มีการประกาศข่าวสำคัญที่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจประเทศ อย่างเช่น CPI (อัตราเงินเฟ้อ) หรือตัวเลข GDP ณ เวลาที่มีการประกาศตัวเลข มักจะเกิความผันผวนต่อตลาด Forex, หุ้น ทั้งนี้ เทรดเดอร์หลายคนประสบปัญหากับโบรกเกอร์ที่ไม่สามารถรองรับความผันผวน ระบบการซื้อขายล่าช้าเมื่อมีการประกาศข่าวสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้จะหมดไปโดยสิ้นเชิงหากคุณใช้บริการโบรกเกอร์ AximTrade ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่มีพัฒนาการทางนวัตกรรมสูงและเร็วที่สุด ล่าสุดพัฒนาแพลตฟอร์ม Copy Trade เป็นของตัวเองแล้ว ซึ่งสะท้อนว่า การบริหารจัดการ “ผู้ให้บริการสภาพคล่อง” ของ AximTrade นั้นมีมาตรฐานในระดับสูง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือคุณต้องลองทดสอบด้วยตัวเอง เปิดบัญชีทดลองได้ง่าย ๆ ที่แบนเนอร์ด้านล่าง!

aximtrade
aximtrade broker